วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2551

มาเตรียมตัวสัมภาษณ์งานกัน

เพราะบางกิจการอาจไม่ต้องสอบข้อเขียน แต่ต้องฝ่าด่านสอบสัมภาษณ์ก็มี ส่วนกิจการไหนต้องการให้สอบทั้งข้อเขียนและสอบสัมภาษณ์ก็ว่ากันไป ดังนั้น ถ้าอยากได้งานทำก็ควรพิชิตการสอบสัมภาษณ์ให้ได้สิจ๊ะ แม้เดี๋ยวนี้งานหายาก แต่ก็ควรจะเดินหน้าหาต่อไป อย่าได้ถอยเชียวนะ


1. ค้นหาให้ได้ แต่ถ้าไม่รู้ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะซีเรียสเกินไป ว่าใครจะเป็นผู้สอบสัมภาษณ์ คุณมั่ง เพราะบางครั้ง ผู้จัดการฝ่ายบุคคลอาจไม่ใช่ คนที่จะสอบถามคุณก็ได้ อาจเป็นหัวหน้างานที่รับ ผิดชอบแผนกที่ต้องการพนักงานไปเลย หรือดีไม่ดี คุณอาจถูกรุมถามจากกลุ่มผู้บริหาร 2-3 คน เลยด้วยซ้ำ ฉะนั้น จงเตรียมตัวให้พร้อมไว้นะตัว

2. เสริมความรู้รอบตัวไว้เยอะๆ โดยเฉพาะ กับงานที่คุณไปสมัคร ควรหาข้อมูลมาเก็บไว้ในคลังสมองของคุณให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คิดซะว่า คนเราไม่ได้เกิดมาฉลาดตั้งแต่เกิด ดังนั้น จงเรียนรู้สิ่งรอบตัวไว้ก่อน ติดตามข่าวสารบ้าง อย่าคิดว่าเขียนใบสมัครทิ้งไว้เสร็จแล้วก็แล้วกันไม่ได้นะ

3. แสดงความมั่น ใจในตัวเอง ให้ผู้สอบสัมภาษณ์เห็นว่าคุณมีความมุ่งมั่นและ กระตือรือร้นกับงานที่สมัครคราวนี้อย่างเต็มที่

4. เก็งข้อสอบไว้มั่ง ก็ดี เช่น ทำไมคุณถึงคิดว่าตัวเองเหมาะกับตำแหน่งนี้

5. ตั้งสติก่อนตอบคำถาม ด้วยนะ ไม่ใช่ ตอนไปสอบโอ้โห...ใจลอยไปไหนก็ไม่รู้ หรือบางคนดันเจอปัญหาส่วนตัวแบบเพิ่งเลิกกับแฟนมา ก็อาจทำให้ไม่ค่อยเอนจอยกับการสัมภาษณ์คราวนี้ ดังนั้น ช่วงนี้อย่าเพิ่งมีอะไรมากระทบใจเป็นดีที่ซู้ด แต่ก็อย่างว่า อะไรจะเกิด บางอย่างก็ห้ามไม่ได้ งั้นควรปล่อยวางอารมณ์บ่จอยไว้ข้างหลัง ก่อนไปสอบสัมภาษณ์ละกัน

Thai Alphabet ( ก เอ๋ย ก ไก่ )

">
ก.ไก่ ถึง ฮ.นกฮูก แบบฮาฮา

วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2551

10 เรื่องง่ายๆ ในชีวิต

10 เรื่องง่ายๆ ในชีวิต เพื่อทำให้สุขภาพดีได้ไม่ยาก

1. สำรองผลไม้ไว้ในตู้เย็น ได้แก่ กะหล่ำปลี แครอท ส้ม แอปเปิ้ล ซึ่งนอกจากจะได้ไดเอตแล้ว การรับประทานผัก & ผลไม้ประจำ ยังช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย ทำงานอยู่กับบ้าน ผ่าน net 100% รายได้ 5 หมื่น บ/ด ขั้นต่ำ ขอย้ำว่าขั้นต่ำ

2. เหงือกดีด้วยน้ำชายามเช้า องค์การอาหารและยาของสหรัฐและสวีเดน บอกว่าการบ้วนปากในช่วงเช้าด้วยน้ำชา จะช่วยลดแบคทีเรียในช่องปาก เนื่องจากสารโพลีฟีนอล จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ที่เป็นสาเหตุของฟันผุ

3. ดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 5 แก้ว ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ และกระเพาะปัสสาวะได้เกือบ 50% เชียวล่ะ

4. เปลือยเท้า คลายเคลียด การย่ำเท้าเปล่าไปบนทรายนุ่มๆ จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด

5. รับแสงแดดอ่อน มีข้อมูลจากการวิจัยระบุว่า ผู้หญิงที่ไม่ค่อยโดนแดดเอาเสียเลย มีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งเต้านมมากกว่าผู้หญิง ที่อยู่ในเมืองที่มีแดด เนื่องจากแสงแดดช่วยสังเคราะห์วิตามินดีในร่างกาย เราควรรับแดดอ่อนๆ ในช่วงเย็น

6. หันมาทานขนมปังโฮลวีทกันเถอะ สำหรับอาหารว่างยามบ่าย แทนที่จะทานคุ๊กกี้หรือเค้ก เปลี่ยนมาทานขนมปังโฮลวีทสัก 2 แผ่น รับรองว่า จะช่วยให้คุณมีกำลังวังชา และยังไม่อ้วนอีกด้วย ทำงานอยู่กับบ้าน ผ่าน net 100% รายได้ 5 หมื่น บ/ด ขั้นต่ำ ขอย้ำว่าขั้นต่ำ สมัครที่

7. สลัดปลาทูน่าเพิ่มความจำ ใครที่รู้ตัวว่า เริ่มจะหลงๆ ลืมๆ ลองหันมาทานสลัดปลาทูน่า หรืออาหารเมนูปลา รวมทั้งเพิ่มอาหารที่มีวิตามินบี 2 เช่น ไข่ ถั่วเหลือง นม นอกจากจะช่วยให้อารมณ์ดี ยังช่วยเพิ่มพลังความจำให้กับสมองได้

8. เดินไวๆ ช่วยให้สุขภาพหัวใจแข็งแรง ลองเดินให้ไวขึ้นอีกนิด อาจใช้เวลาเดินในช่วงเช้า หรือหลังเลิกงาน ให้ได้วันละ 20 นาที จะช่วยบริหารหลอดเลือด หัวใจให้แข็งแรง และยังให้หุ่นสลิมสมส่วนเป็นของแถม

9. เติมไขมันดีๆ ให้ร่างกาย ไขมันไม่ได้เป็นผู้ร้ายซะทีเดียว เพราะมีไขมันหลายชนิดที่เป็นมิตรกับร่างกายนะ หากร่างกายขาดแคลน อาจมีผลต่อ การดูดซึมวิตามินเอ ดี อี เค และจะทำให้รู้สึกอ่อนเพลียได้ เลือกทานอาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัว จากน้ำมันมะกอก น้ำมันถั่ว และไขมันโอเมก้า 3 จากปลา ไม่เพียงให้พลังงาน ทำให้มีเรี่ยวแรง ยังช่วยป้องกันโรคมะเร็งและโรคหัวใจด้วย

10. JUST DO NOTHING ลองหยุดภาระวุ่นๆ สักสัปดาห์ละวัน หรือวันละ 1 ชม. ให้ปลอดจากเรื่องงาน และคนรอบข้าง ให้เวลาอยู่คนเดียว ตามลำพัง จะช่วยให้คุณรู้สึกสงบ อาจจะฟังเพลงเงียบๆ หรืออาบน้ำอุ่นๆ แล้วอ่านหนังสือเล่มโปรด ชมดอกไม้ เป็นการเติมความรื่นรมย์ทางด้านจิตใจ ทำให้คุณสดชื่น และมีความสุข และให้ห่างไกลจากโรครีบร้อน เร่งรีบ จนแทบไม่มีเวลาสำหรับตัวเอง

ลองทำดูนะคะ แล้วคุณจะดูดีขึ้น และยังห่างไกลจากโรคภัยอีกด้วยค่ะ

วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ใช้ชีวิตอย่างไรให้มีสุข ในยุคเศรษฐกิจฝืด

ถึงเศรษฐกิจจะตกสะเก็ด แต่ชีวิตก็มีความสุขได้ ถ้ารู้จักคิดบวกเพื่อชีวิตบวก!! ในงานเสวนาธรรมเรื่อง "ศิลป์และธรรม สุนทรียะแห่งชีวิต" (คิดบวก...ชีวิตบวก) โดยพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ที่ดับเบิ้ล เอ บุ๊ค ทาวเวอร์ เมื่อเร็วๆ นี้ ได้ให้แง่คิดเรื่องการใช้ชีวิตอย่างให้มีสุข โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของการคิดดีทำดี "ท่าน ว.วชิรเมธี" เปิดฉากการเสวนาว่า สิ่งที่อยู่กับเราตลอดเวลา คือ ความคิด ชีวิตของคนเราเป็นเงาสะท้อนของความคิด เราคิดอะไร ชีวิตเราก็จะปรากฏมาอย่างนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรามีทั้งดีและไม่ดี แต่มันอยู่ที่แนวความคิดของเราว่า เราจะเอาสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา มาทำให้เรามีกำลังใจที่จะต่อสู้กับเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเราอย่างไร เวลาเจองานหนักให้บอกกับตัวเองว่า นี่คือโอกาสกับตัวเองว่า นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ เวลาเจอทุกข์หนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือแบบฝึกหัดที่ทำให้เกิดทักษะในการดำรงชีวิต

การคิดบวกจะได้ผลหรือไม่ได้ผลต้องดูว่า มีผลต่อความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเราหรือไม่ ซึ่งประโยคนี้ "ท่าน ว.วชิรเมธี" ขยายความว่าการคิดบวกมี 2 ลักษณะ คือ เป็นการเปลี่ยนแปลงในระดับความคิดอย่างเดียว คือ คิดบวกแล้วทำให้ชื่นอกชื่นใจ ทำให้ได้ปัญญา หรือคิดบวกแล้ว ทำให้ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงจริงๆ เช่น ในยุคเศรษฐกิจฝืดเคืองอย่างนี้ เราต้องคิดบวก คือ คิดที่จะอยู่ให้ได้จะไปประท้วงให้น้ำมันลดลงได้หรือไม่ คำตอบคือ คงไม่ได้ ในเมื่อลดไม่ได้ฉันจะลดเอง คือ ลดความต้องการบริโภคให้น้อยลง


ที่เราทุกข์กันอยู่ทุกวันนี้เพราะบริโภคมาก และมีเหตุปัจจัยหนึ่งที่ทุกข์ คือ "โรคจมไม่ลง" คือ เคยใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย อย่างมหาเศรษฐีโลกทั้งหลาย ไปไหนต้องนั่งรถราคาแพงๆ คำใช้จ่ายก็สูงขึ้น แต่เราจมไม่ลง ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเรากำลังแย่ เราก็จ่ายแพงขึ้นเพื่อประคับประคองตัวฉันให้โดดเด่นอยู่ในวงสังคม สุดท้ายไม่ใช่แค่จมไม่ลง มันล้มเลย


หากจะอยู่ให้รอดในภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นนี้ "ท่าน ว.วชิรเมธี" บอกว่า ต้องเปลี่ยนวิธีบริโภคจากที่เคยตามใจตัวเอง มาเป็นบริโภคตามความจำเป็น ถ้าวิ่งตามความอยาก ไม่ว่าวันไหนๆ เราก็จะทุกข์ เพราะความอยากไม่เคยมีขีดจำกัด กินเท่าที่จำเป็น ใช้เท่าที่จำเป็น ถ้าอยู่ในโลกของความเป็นจริง ไม่ต้องจ่ายแพงเพื่อรักษาหน้าตา ทำตัวเป็นคนธรรมดาๆ ก็ไม่ต้องเสียเงินรักษาภาพพจน์ และจะมีความสุขได้ แม้ในยุคข้าวยากหมากแพง

น้ำผลไม้ ทำให้ร่างกาย ดูดซึมยาได้ไม่ดี

ผลการศึกษาของแคนาดา พบว่า น้ำผลไม้บางชนิด เช่น น้ำส้ม น้ำแอปเปิล และน้ำเกรพฟรุต อาจไปขัดขวางกระบวนการดูดซึมยาในร่างกาย ทำให้ยาที่กินเข้าไปรักษาโรคได้ไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะยาที่ใช้รักษาโรคหัวใจ มะเร็ง รวมถึงยาที่ใช้บำบัดอาการติดเชื้อ หรือ ควบคุมอาการต่อต้านที่เกิดกับร่างกาย หลังได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ

โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเวสต์เทิร์น ออนแทรีโอ ในแคนาดา ทดลองให้อาสาสมัครสุขภาพดี ใช้ยาแก้แพ้เฟโซเฟอนาดีน ควบคู่ไปกับการดื่มน้ำเกรพฟรุต อีกกลุ่มให้ยาแก้แพ้ประเภทเดียวกันพร้อมดื่มน้ำที่มีส่วนผสมของสารนารินจีน ซึ่งจะทำให้น้ำผลไม้มีรสขม และอีกกลุ่มรับยาพร้อมดื่มน้ำเปล่า

ผลปรากฏว่า กลุ่มที่ดื่มน้ำเกรพฟรุต จะดูดซึมยาแก้แพ้ได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ดื่มน้ำเปล่า ส่วนกลุ่มที่ดื่มน้ำผสมสารนารินจีน ก็จะดูดซึมยาได้ไม่ดีเช่นกัน เพราะสารตัวนี้จะไปขัดขวางไม่ให้ลำไส้เล็กดูดซึมยาเข้าสู่กระแสเลือดได้สะดวก

ด้วยเหตุนี้ นักวิจัยจึงแนะนำให้คนไข้ควรปรึกษาแพทย์ ก่อนจะกินยาพร้อมกับดื่มน้ำผลไม้ แต่ทางที่ดีควรกินยาพร้อมดื่มน้ำเปล่าตามลงไปจะดีที่สุด เพราะจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมยาได้ตามปกติ นักวิจัยยังคาดว่า น่าจะมียาอีกหลายประเภทที่ร่างกายดูดซึมได้ไม่ดี ถ้ารับประทานร่วมกับน้ำผล

วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2551

พลังงานแสงอาทิตย์: พลังงานหมุนเวียนที่ไทยไม่ควรมองข้าม




ภาวะโลกร้อน และราคาเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ "พลังงานแสงอาทิตย์" ซึ่งเป็นหนึ่งในพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) สะอาดได้รับความสนใจจากประเทศต่างๆ มีการใช้ที่แพร่หลายขึ้น แม้ปัจจุบันการใช้ประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์ยังคิดเป็นสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับพลังงานในรูปแบบอื่น กระนั้น ก็เป็นเทคโนโลยีพลังงานที่เติบโตเร็วที่สุดโดยมีอัตราการเติบโตของโลกเฉลี่ยร้อยละ 48 ต่อปีนับแต่ปี 2545 เป็นต้นมา

การพัฒนาของตลาดพลังงานแสงอาทิตย์ของโลก
การเติบโตของอุตสาหกรรมการผลิตแผง/เซลล์แสงอาทิตย์ในช่วงที่ผ่านมามีข้อจำกัดจากอุปทานของวัตถุดิบ ปัจจุบันการผลิตถูกจำกัดโดยอุปทานของวัตถุดิบ (โพลีซิลิคอน) ซึ่งตั้งแต่ปี 2549 มีความขาดแคลน ส่งผลให้ราคาโพลีซิลิคอนซึ่งเป็นต้นทุนที่สำคัญปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก ทำให้บริษัทผู้ผลิตบางส่วนหันไปหาการผลิตโซลาร์เซลล์แบบฟิลม์บาง (thin film) ที่เป็นเทคโนโลยีการผลิตที่มีการพึ่งพาโพลีซิลิคอนต่ำกว่าการผลิตแบบ crystalline

อุตสาหกรรมการผลิตแผง/เซลล์แสงอาทิตย์ในประเทศไทย.. เป็นการผลิตเพื่อมุ่งส่งออกเนื่องจากตลาดภายในประเทศมีขนาดและการเติบโตที่จำกัด แม้ว่าด้วยลักษณะสภาพภูมิอากาศ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเหมาะสมในการใช้ประโยชน์จากแสงแดด แต่ปัจจุบันยังมีการใช้พลังงานแสงอาทิตย์อยู่เป็นจำนวนน้อย ในปี 2550 ไทยมีการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์เพียง 32.3 เมกะวัตต์ โดยในจำนวนนี้ร้อยละ 10.5 หรือประมาณ 3.4 เมกะวัตต์เป็นการผลิตไฟฟ้าเพื่อเชื่อมต่อกับระบบ (grid-connected) ในขณะที่ส่วนใหญ่ร้อยละ 80.6 หรือ 26 เมกะวัตต์เป็นการผลิตไฟฟ้าในบริเวณที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง

เนื่องจากตลาดในประเทศมีขนาดและการขยายตัวที่จำกัด การผลิตแผง/เซลล์แสงอาทิตย์ในไทยส่วนใหญ่จึงเป็นการผลิตเพื่อส่งออก ในปี 2550 ไทยมีการส่งออกสินค้าในหมวดนี้เป็นมูลค่ารวม 213.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 1 ของการส่งออกของทั้งโลก โดยตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย คือ ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฮ่องกง สิงคโปร์ กลุ่มประเทศยุโรป อาทิ เยอรมัน ฮังการี และสหรัฐฯ

ด้านการผลิต สถานการณ์การขาดแคลนโพลีซิลิคอนซึ่งเป็นวัตถุดิบที่สำคัญ ทำให้ความสามารถในการจัดซื้อวัตถุดิบเป็นข้อจำกัดของอุตสาหกรรมในปัจจุบัน โดยผู้ผลิตต้องทำสัญญาจัดซื้อระยะยาวซึ่งต้องมีเงินทุนในการชำระล่วงหน้าเพื่อให้สามารถดำเนินการผลิตต่อไปได้

โอกาสและปัจจัยที่จะมีผลต่อการเติบโตของธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ของไทย

แนวโน้มตลาดภายในประเทศ.. การเติบโตของตลาดภายในประเทศขึ้นอยู่กับนโยบายการส่งเสริมของภาครัฐ ตลาดภายในประเทศไทยค่อนข้างจำกัด โดยไทยมีการติดตั้งเซลล์แสงอาทิตย์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นประมาณ 1-3 เมกะวัตต์ต่อปี ประเทศไทยมียุทธศาสตร์การพัฒนาพลังงานทดแทนของไทยช่วง 5 ปี (2551-2554) โดยได้มีการตั้งเป้าหมายในส่วนของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นเป็น 45 เมกะวัตต์จากเดิม 32.25 เมกะวัตต์
รัฐมีมาตรการสนับสนุนธุรกิจและส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์โดยมีการยกเว้นภาษีนำเข้าวัตถุดิบและการให้ส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (ค่า adder) เป็นต้น อย่างไรก็ตามเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ยังอยู่ในระดับที่สูง การเพิ่มแรงจูงใจจึงเป็นตัวกระตุ้นตลาดในประเทศที่สำคัญ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเห็นว่าตลาดที่มีศักยภาพของธุรกิจ คือ การติดตั้งแผงโซลาร์บนอาคารธุรกิจ/โรงงาน/รีสอร์ทและโรงแรม สำหรับตลาดอื่นๆ หากรัฐมีการสนับสนุนมากเพียงพอก็น่าจะทำให้มีการลงทุนสร้างโซลาร์ฟาร์มเพื่อขายไฟฟ้าเข้าระบบและการติดตั้งแผงโซลาร์ของครัวเรือนแพร่หลายมากขึ้น

วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2551

Harry Harry!!!

ช่วงนี้กระแสภาพยนตร์ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ เจ้าชายเลือดผสม เริ่มทยอยความตื่นเต้นให้

เหล่าบรรดาแฟนๆทุกขณะเลย หลังจากที่ตัวอย่างภาพยนตร์ภาคล่าสุดได้ออกมา ก็นับว่าสร้าง

ความตื่นตัว และ แสดงถึงการรอคอยของพวกเราคืออีกไม่ช้านี้เช่นกัน แต่กระนั้นก็มีข่าวคราว

การเลื่อนกำหนดการเข้าฉายภาพยนตร์ภาคล่าสุดนี้ไปเป็นปีหน้า กินเวลาเลื่อนไปกว่า 240 วัน
โอ้แม่เจ้า... T T อย่างไรก็ตาม เหล่าบรรดาแฟนๆต่างยังคงใจจดใจจ่อกับแถลงการณ์จาก

วอร์เนอร์ บราเดอร์ ต่อไปและ/หรือบางที อาจจะมีสิ่งที่เรียกว่าเวทมนตร์ บันดาลให้ภาพยนตร์ภาคล่าสุดกลับมาฉายตามกำหนดเดิมก็

เป็นได้ T^T


Storm Surge ​ในอ่าว​ไทยตอนบน



Storm surge คือ ปรากฏการณ์คลื่นที่เกิดขึ้นพร้อมกับพายุหมุนโซนร้อน ที่ยกระดับน้ำทะเลให้สูงขึ้นกว่าปกติ อันเนื่องมาจากความกดอากาศต่ำที่ปกคลุม ณ บริเวณนั้น ซึ่งเวลาที่หย่อมความกดอากาศต่ำเคลื่อนตัวผ่านไปพร้อมกับศูนย์กลางของพายุ ทำให้แรงกดนั้นยกระดับน้ำจนกลายเป็นโดมน้ำขึ้นมา โดยเคลื่อนตัวจากทะเลซัดเข้าหาชายฝั่ง






เชื่อหรือไม่ว่า ปรากฎการณ์ Storm Surge เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาแล้ว! และเคยเกิดบ่อยครั้งด้วย ซึ่งแต่ละครั้งก็นำมาซึ่งความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง....



ย้อนกลับไปเมื่อปี 2532 เกิดพายุไต้ฝุ่น เกย์ (คุ้นๆ ใช่ไหมล่ะ) พัดถล่ม จังหวัดชุมพร มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน ต่อมาปี 2540 พายุลินดา ก็พัดซ้ำรอยเดิม ใน จังหวัดชุมพร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดเพชรบุรี ครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตน้อยกว่า ทว่าก็สร้างความเสียหายมากครั้งหนึ่งเช่นกัน และครั้งสำคัญในปี 2505 พายุที่แหลมตะลุมพุก อันเกิดจากพายุโซนร้อนแฮเรียต ได้กลายเป็นประวัติศาสตร์อันน่าโศกเศร้า ยังมาซึ่งความเสียหายต่อชีวิต และภูมิประเทศ โดยในครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตกว่าพันคน!!! หันมาดูในฝั่งกรุงเทพฯ กันบ้าง เมื่อปี 2504 Storm Surge ก็เคยมีปรากฏการณ์เกิดพายุใหญ่ซัดเข้ามาในอ่าวไทย จนเกิดน้ำท่วมกรุงเทพฯ เช่นกัน และในปี 2526 ก็เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่าฝนพันปี มีน้ำท่วมและขังในพื้นที่นาน ที่สำคัญ การเกิดขึ้นของพายุได้สร้างความเสียหายต่อการกัดเซาะชายฝั่งของกรุงเทพฯ จนเป็นพื้นที่ที่เรียกว่าทะเลตรม และไม่สามารถป้องกันน้ำทะเลได้ในหลายจุด
รูปแบบการเคลื่อนตัวที่เป็นเหมือนคลื่นขนาดใหญ่ แล้วพัดเข้าชายฝั่งของ Storm Surge เป็นลักษณะเดียวกันกับคลื่นยักษ์สึนามิ แต่แตกต่างกันตรงที่ ลักษณะของการเกิด คือ สึนามิ เกิดขึ้นจากปรากฏการณ์ของแผ่นดินไหวใต้ทะเล ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนส่งผลให้เกิดคลื่นขนาดยักษ์ซัดเข้าชายฝั่ง แต่กับ Storm surge จะเกิดขึ้นโดยมีตัวแปรจากพายุ












อย่างไรก็ตาม แม้จะเลวร้ายมากกว่า แต่ก็สามารถรับมือได้ดีกว่า เพราะเมื่อ Storm surge เกิด มักจะมาพร้อมกับพายุโซนร้อน ดังนั้น เราจะเห็นสัญญาณเตือนหลายอย่าง เช่น การเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยา และจากการสังเกตลักษณะอากาศที่จะค่อยๆ เลวร้ายลง ทำให้เรารู้ตัวล่วงหน้าหลายวัน และสามารถหาทางอพยพได้ทัน แต่กับสึนามิอาจจะไม่รู้ได้เลย เพราะบางครั้งก็เกิดขึ้นในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ไม่มีสัญญาณบอกเหตุร้ายแต่อย่างใด แต่ปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น ในช่วงหลายปีมานี้ก็เป็นอะไรที่คาดเดา พยากรณ์ได้ยากเช่นกัน ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการเกิดภาวะโลกร้อน ที่ทำให้สภาพอากาศในทุกมุมโลกเกิดความแปรปรวน และยิ่งทวีความรุนแรงของเหตุการณ์ขึ้น สิ่งนี้จึงเรื่องที่ต้องได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิด

วันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2551

แนะนำหนังสือดีๆ

เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้มีเวลาอ่านหนังสือดีๆ 3 เล่ม

ที่เขียนโดย

อาจารณ์ บัญฑิต อึ้งรังษี ท่าน เป็น conductor ระดับแนวหน้าของโลก

หนังสือแต่ละเล่มจะช่วยแนะนำแนวทาง ในการคิด และพัฒนาตนเอง

หนังสือแต่ละเล่มอ่านเข้าใจง่าย และท่านใช้ประสบการณ์ ส่วนตัวของท่านในการนำเสนอ

ซึ่งนำให้เราคิดตาม และนำมาซึ่งประโยชน์มากมาย

ดังเช่นที่ข้าพเจ้าได้นำมา ใชเป็นแนวทางในการดำเนิดชิวิต

เพื่อไปให้ถึงฝัน ดังที่ตั้งเป้าหมายไว้

หนังสือ 3 เล่มนี้ ได้แก่

1. ต้องเป็นที่หนึ่งให้ได้

2. สร้างคนไทยไประดับโลก

3. 30 วิธีเอาชนะโชคชะตา

หวังว่าทุกท่านที่มีโอกาส ได้อ่านหนังสือ 3 เล่มนี้ ท่านคงได้รับประโยชน์จากหนังสือไม่มาก ก็น้อย

ดังที่ข้าพเจ้าได้รับ

วันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2551

เพื่อแม่

11 วิธีเอาใจแม่ (ให้ชื่นใจ)

1.พาแม่ไปตรวจสุขภาพ
คนเราเมื่อเริ่มสูงวัยพอสักอายุ 50 กว่าปีขึ้นไปแน่นอนว่าสุขภาพร่างกายจะเริ่มเสื่อม เหมือนรถที่ผ่านการใช้งานมาสัก 5-6 ปี ก็ต้องมีการซ่อมบำรุง ร่างกายก็เหมือนกัน ดังนั้นการได้ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี จะพอให้เราทราบได้ว่าคุณแม่เป็นโรคอะไรอยู่ มากน้อยแค่ไหน จะดูแลสุขภาพต่อไปอย่างไร การพาคุณแม่ไปตรวจสุขภาพประจำปีนอกจากจะทำให้คุณแม่ชื่นใจแล้ว ยังส่งผลดีกับสุขภาพกายอีกด้วย

2.พาแม่ไปทำสปา
การทำสปาถือว่าเป็นการผ่อนคลายอย่างหนึ่ง เดี๋ยวนี้ธุรกิจสปามีมากมายหลากหลาย ทั้งสปาเพื่อสุขภาพและความงาม ทั้งนวดหน้า นวดศีรษะ นวดตัว นวดเท้า ทั้งแบบนวดไทยหรือนวดด้วยน้ำมันหอมระเหยแบบฝรั่ง การทำสปาถือเป็นการปรนนิบัติร่างกายอย่างดีเยี่ยมเพราะการทำสปามีครบทั้งรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ช่วยให้ผ่อนคลายหายเครียด ถือเป็นการตอบแทนร่างกายที่เหนื่อยล้ามาทั้งปีได้เป็นอย่างดี การพาคุณแม่ไปทำสปาจึงนับได้ว่าเป็นอีกรูปแบบของการให้ความสุขกับคุณแม่

3.พาแม่ไปเที่ยวต่างประเทศ
การเดินทางถือว่าเป็นการเปิดโลกทัศน์ได้เป็นอย่างดี แต่ผู้ใหญ่มักจะเสียดายเงินไม่จ่ายค่าตั๋วแพงๆ ไปเที่ยวต่างประเทศ การได้เดินทางไปยังสถานที่ที่แตกต่างออกไป บรรยากาศหนาว อาหาร ผู้คน ที่ต่างไปจากเดิมจะสร้างความมีชีวิตชีวาให้กับผู้ใหญ่ได้เป็นอย่างดีรวมถึงการพาไปดูสถาปัตยกรรมและร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่เป็นที่รู้จัก นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีซึ่งถือว่าเป็นโอกาสพิเศษที่คุณแม่จะได้รับ

4.พาแม่ไปดูโชว์ดีๆ
ปัจจุบันนี้มีการแสดงดีๆ ที่เป็นของคนไทยอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นการแสดงหุ่นละครเล็กของคณะโจหลุยส์ การแสดงของสยามนิรมิต การแสดงของโรงละครอลังการที่พัทยา หรือการแสดงของภูเก็ตแฟนตาซี หรือละครเพลงต่างๆ ที่เรียกได้ว่าคุณภาพดีทั้งแสง สี เสียง หรือจะเป็นการแสดงจากต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นนักร้องดังในยุคคุณพ่อคุณแม่ยังหนุ่มสาว การแสดงกายกรรมต่างๆ เช่น กายกรรมกวางเจา การแสดงบัลเลต์ ซึ่งการแสดงในลักษณะนี้จะมีเพียงปีละครั้งหรือ 2-3 ปีครั้งถือว่าเป็นโอกาสพิเศษที่ได้มอบให้คุณแม่ ถือว่าเป็นการพาคุณแม่ไปย้อนอดีตอันน่าชื่นใจ

5.ซื้อหนังสือดีๆ ให้แม่
ขณะนี้ตลาดหนังสือของประเทศไทยเรา มีการพัฒนาไปมากทั้งรูปเล่มและเนื้อหา มีหนังสือรูปเล่มสวยๆ เนื้อหาดีๆ ทั้งเรื่องแปล เรื่องแต่งเอง แม้กระทั่งหนังสือภาพดีๆ ที่มีอยู่หรือหนังสือชุดที่มารวมเล่มใหม่ที่ทำรูปเล่มคลาสสิกน่าเก็บไว้สะสม เช่น ผู้ชนะสิบทิศ ผู้ดี เพชรพระอุมา หรือหนังสือพระหรือสถานที่สำคัญต่างๆ ที่พิมพ์สี่สีน่าสะสมอีกมากมายหนังสือต่างๆ เหล่านี้จะช่วยสร้างความสุขใจให้คุณแม่ได้ไม่น้อยทีเดียว

6.เปลี่ยนฟันชุดใหม่ให้แม่ได้รับประทานของอร่อยอย่างไร้อุปสรรค
หากคุณแม่อยู่ในวัยเกิน 60 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในวันที่ต้องใส่ฟันปลอม หรือถ้าอาวุโสกว่านั้นก็อาจจะต้องเปลี่ยนฟันปลอมเป็นชุดที่ 2 หากคุณพ่อคุณแม่มีปัญหาเรื่องปากและฟันก็มักจะมีปัญหาในการเคี้ยวอาหาร หรือรับประทานอาหารได้ไม่อร่อย หรือถ้าเคี้ยวอาหารไม่ละเอียดก็จะมีปัญหาในเรื่องระบบการย่อย ท้องอืดท้องเฟ้อได้โดยง่ายมีปัญหาอื่นๆ ตามมาอีก การได้เปลี่ยนฟันชุดใหม่จะช่วยให้ชีวิตท่านดีขึ้น แต่โดยธรรมชาติของพ่อแม่มักจะขี้เหนียวเสียดายเงินไม่ยอมเปลี่ยนอะไรง่ายๆ หากสิ่งของนั้นยังพอใช้งานได้ การแสดงออกซึ่งความรักหวังดีต่อพ่อแม่ด้วยวิธีนี้นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่น้อยถือว่าคุณลูกใส่ใจในรายละเอียดในชีวิตของท่าน

7.ซื้อคอร์สออกกำลังกายให้แม่
เป็นธรรมดาของมนุษย์เมื่อเริ่มอายุมากก็มักจะมีปัญหาเรื่องน้ำหนักเพิ่มขึ้นว่ากันว่าโดยธรรมชาติของคนนั้นน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นทุกปีอย่างน้อยปีละ 2 กิโลกรัม เมื่อน้ำหนักเกินมาตรฐานหรือที่เรียกว่าอ้วนก็จะทำให้มีปัญหาต่างๆ ตามมาเช่น ปวดขา ปวดเข่า ไขข้อไม่ดี เหนื่อยง่าย หายใจไม่สะดวก การออกกำลังกายจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการดูแลสุขภาพของพ่อแม่

8.ซื้อเครื่องประดับให้แม่
ผู้หญิงกับเครื่องประดับเป็นของคู่กัน ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหน อายุเท่าใด ถือว่ายังต้องใช้กันอยู่เสมอ หากคุณแม่ยังอยู่ในวัยทำงาน การซื้อเครื่องประดับเก๋ๆ คุณภาพดี เพื่อให้คุณแม่ใช้ใส่ไปทำงานก็เป็นเรื่องที่ดี หากคุณแม่เป็นแม่บ้าน หรือเกษียณแล้วนานๆ ออกงานทีการซื้อเครื่องประดับเป็นอัญมณีมีค่าหรือจะเป็นทองรูปพรรณก็ได้เช่นกัน เลือกในแบบที่เหมาะสมกับบุคลิกและการใช้งานของคุณแม่ หากไม่ชอบของสำเร็จรูปที่มีจำหน่ายทั่วไป ร้านจิวเวลรีหลายร้านก็รับทำและออกแบบให้ด้วย โดยอาจจะเลือกอัญมณีสีที่เข้ากับวันเกิดหรือเดือนเกิดของคุณแม่ก็ได้ ภายใต้งบประมาณที่คุณสามารถกำหนดได้และในอนาคตสมบัติเหล่านั้นก็จะต้องตกมาเป็นของลูกของหลานอยู่ดีไม่ได้สูญหายไปไหน ยิ่งนานวันอัญมณีเหล่านี้จะยิ่งเพิ่มคุณค่าทั้งราคาและคุณค่าต่อจิตใจ

9.ซื้ออาหารเสริมเพื่อบำรุงสุขภาพให้
สุขภาพเป็นเรื่องจำเป็นบางครั้งการรับประทานอาหารก็ไม่สามารถกินได้ครบ 5 หมู่ได้ในวัยผู้ใหญ่ที่ต้องการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอมากกว่าคนวัยหนุ่มสาว การได้รับอาหารเสริมอาจเป็นเรื่องที่สำคัญ เดี๋ยวนี้อาหารเสริมมีมากมายที่จะให้เลือกได้ตามความเหมาะสมกับสุขภาพ เช่น น้ำมันจากกระดูกปลาวาฬช่วยบำรุงผิวพรรณเพราะผู้สูงวัยมักจะผิวแห้งมาก วิตามินบีรวมต่างๆ หรือวิตามินบำรุงสมองเพื่อป้องกันโรคอัลไซเมอร์หรือความจำเสื่อม ซึ่งวิตามินบางตัวจะช่วยชะลอระยะเวลาในการเกิดให้ช้าลง เรียกว่ามีมากมายหลากหลายประเภทให้คุณเลือกได้อย่างไม่มีข้อจำกัด

10.ตัดแว่นตาใหม่ให้แม่
สำหรับผู้ที่วัยเกิน 40 ปีขึ้นไปเริ่มมีปัญหาเรื่องสายตา บางคนตายาว บางคนทั้งสั้นทั้งยาว แถมเอียงเข้าไปด้วย เรียกว่าปัญหาหลายด้าน การให้ความใสกระจ่างกับสายตาของแม่ ให้แม่ได้อ่านหนังสืออย่างชัดเจนมีความสุข มองดูหน้าลูกหลานด้วยความใสชัด จะทำให้คุณแม่ชื่นใจ เดี๋ยวนี้กรอบแว่นราคาแพง ผู้ใหญ่จะใช้จนเก่าก็จะยังไม่ยอมเปลี่ยนใหม่การหาแว่นกรอบสวยๆ เก๋อันใหม่ให้คุณแม่ ก็น่ารักดีไม่น้อย เวลาท่านเดินเหินไปไหนจะได้สะดวกถ้าสายตาฝ้าฟางไม่ชัดเจนประเดี๋ยวจะพลาดพลั้งหกล้มได้โดยง่าย

11.ลดละเลิกนิสัยแย่ๆ ที่แม่ไม่ชอบ
ข้อนี้ถือว่าสำคัญมาก แน่นอนว่าลูกเกือบทุกคนมักจะมีนิสัยไม่ดีสักข้อสองข้อที่แม่จะพยายามพร่ำสอนตั้งแต่เด็กที่เป็นนิสัยเสียๆ ของเรา เช่น ขี้เกียจ ชอบเถียงแม่ ใช้เงินเปลือง สูบบุหรี่ กินเหล้า เจ้าชู้จัด แล้วเราจะรู้ดีว่านิสัยแบบนี้แม่ไม่ชอบ ลองให้ของขวัญวันแม่ปีนี้ด้วยการจะเลิกบุหรี่ เลิกเหล้าเลิกใช้เงินเปลือง หยุดโต้เถียงกับแม่สักที นิสัยเหล่านี้ถ้าเราทำให้แม่ได้รับรองได้ว่าแม่จะชื่นใจสุดชีวิตทีเดียว ทั้งหมดที่กล่าวมาแล้วลองเลือกทำให้แม่สักข้อสองข้อจะดีไม่น้อย แม่ให้เรามาเยอะแล้ว ลองเปลี่ยนเป็นเราเป็นผู้ให้แม่บ้างดีไหมค่ะ แม่จะได้ชื่นใจ ถึงวันนี้คนรุ่นแม่ก็อยู่ในวัย 50-60 กว่าปีกันแล้วทั้งนั้น เวลาของท่านเหลือน้อยแล้วเรียกว่าเริ่มนับถอยหลังแล้ว อะไรทำให้แม่ได้ก็รีบๆ ทำเสียเถอะ ชีวิตนี้ก็มีแม่แค่คนเดียว อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง มีแม่ให้รักให้กอดก็ดีแล้ว

ต่อไปถ้าอยากบอกรักแม่ แต่แม่ไม่ได้อยู่ให้บอกแล้วจะเสียดายเวลานะคะต้องไปบอกแม่ต่อหน้ารูปของท่านคงไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว

ที่สำคัญความกตัญญูรู้คุณเป็นสิ่งที่ค้ำชูชีวิตของลูกให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ อย่าลืมบอกรักแม่กันบ้างนะครับ

วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

5 วิธีในการฟิตสมอง

5 วิธีทำให้สมองฟิต ความคิดสุดแจ่ม

เพื่อนๆเคยมีอาการอย่างนี้บ้างมั้ย ครับจับจ่ายไม่ได้ เพราะลืมกระดาษโน๊ตจดรายการของที่ต้องซื้อไว้ที่บ้าน พระเอกหนังเรื่องที่ดูเมื่อวานชื่ออะไรน้า จอดรถไว้ชั้นไหนของห้างนะ

อย่า! อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าคุณเริ่มแก่หรือ สมองเริ่มเสื่อมแล้ว

วันนี้ผมมีวิธีฟิตสมองอย่างง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้ในชีวิตประจำวันมาฝากกันครับ

ก่อนอื่นเลยเพื่อนๆรู้มั้ยว่า พฤติกรรมซ้ำๆ ทำให้สมองฝ่อ ในโลกที่เราคาดเดาเกือบทุกอย่างได้ล่วงหน้า กิจวัตรส่วนใหญ่เป็นพฤติกรรมจากจิตใต้สำนึกที่เรากระทำโดยใช้พลังจากสมองน้อยมาก ทำให้ไม่ค่อยมีการเชื่อมโยงระหว่างเซลล์ประสาทในสมองชั้นนอก สมองจึงไม่ค่อยได้ออกกำลัง ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณขับรถหรือนั่งรถไปทำงานโดยใช้เส้นทางเดิมทุกวัน สมองคุณก็จะใช้ประสาทส่วนเดิมทุกวันเช่นกัน การใช้ประสาทเฉพาะส่วนนั้นๆ เป็นประจำทำให้เซลล์ส่วนนั้นแข็งแรง แต่ขณะเดียวกันประสาทส่วนอื่นๆกลับอ่อนแอเพราะถูกละเลย ผลดีก็คือ คุณเริ่มช่ำชองกับเส้นทางจาก ก ไป ข แต่ผลเสียคือ สุขภาพสมอง เพราะสมองพลาดโอกาสที่จะได้รับการกระตุ้นด้วยทัศนียภาพใหม่ๆ กลิ่นใหม่ๆ หรือเสียงใหม่ๆ ซึ่งเป็นความแปลกและหลากหลายที่จะช่วยให้เซลล์ประสาทหลายส่วนได้มีกิจกรรมออกกำลัง ดังนั้น ถ้าสมองได้รับสิ่งใหม่ ส่วนของสมองชั้นนอกหลายส่วนจะมีกิจกรรมมากขึ้นและหลากหลายขึ้น และเกิดการเชื่อมโยงเซลล์ประสาทสมองส่วนต่างๆในรูปแบบใหม่ ส่งผลให้มีการหลั่งสาร นิวโรโทรฟินส์ หรืออาหารสมองมากขึ้น เซลล์สมองจึงแข็งแรงขึ้น

5 วิธีฟิตสมองในตอนเช้า

1. หลับตาอาบน้ำ เปิดก็อกน้ำ ปรับความแรงหรืออุณหภูมิของน้ำโดยใช้ประสาทสัมผัสและความรู้สึก (อย่าลืมฝึกวิธีปรับอุณหภูมิให้แม่นก่อนลงมือเพื่อป้องกันน้ำร้อนลวกตัว) หลับตาใช้มือสัมผัสหาอุปกรณ์อาบน้ำ จากนั้นจึงล้างหน้า อาบน้ำหรือโกนหนวด

2.เกมสลับมือ ขยับสมอง ฝึกใช้มือข้างที่คุณไม่ถนัดแปลงฟัน หมุนฝาหลอดยาสีฟันและป้ายยาสีฟันบนแปรง อาจใช้วิธีนี้กับกิจกรรมยามเช้าอื่นๆ ...การฝึกลักษณะนี้เป็นการกระตุ้นสมองส่วนที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน ให้เริ่มสั่งการเพื่อปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ที่สมองซีกนี้ไม่ค่อยมีส่วนร่วม มีการวิจัยพบว่าการฝึกเช่นนี้ส่งผลให้วงจรและเครือข่ายสมองในส่วนเยื่อหุ้มสมองคอร์แทกซ์ที่ทำหน้าที่ควบคุม และรับส่งคำสั่งจากมือ มีการขยายตัวอย่างมากและในอัตราที่รวดเร็ว หรืออาจลองทำสิ่งต่างๆด้วยมือข้างเดียว ก็ได้

3. อยู่ในโลกไร้เสียง ปิดหูด้วยการใส่หูฟังขณะรับประทานอาหารกับครอบครัวเพื่อสัมผัสโลกเงียบ...คนใกล้ตัวคงเคยบ่นว่าคุณฟังสิ่งที่เขาพูดเพียงครึ่งเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่มักเกิดขึ้นตอนยุ่งอยู่ ลองฝึกตัวเองด้วยวิธีนี้จะทำให้คุณบังคับตัวเองให้ใช้ตัวช่วยอื่นในการทำกิจกรรม เช่น รู้ว่าขนมปังปิ้งที่อยู่ในเครื่องปิ้งได้ที่แล้วโดยไม่ต้องพึ่งเสียง

4. เช้าวันธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ลองเลือกกิจกรรมต่อไปนี้หนึ่งหรือสองข้อ แต่ไม่ควรทำหมดทุกข้อในเช้าวันเดียวกัน• สลับลำดับกิจวัตรตอนเช้า เช่น ถ้าคุณเคยแต่งตัวก่อนกินข้าว ลองเปลี่ยนมากินข้าวก่อนแต่งตัว• ถ้าคุณเคยรับประทานกาแฟกับขนมปังทุกเช้า ลองเป็นข้าวโอ๊ตและชาสุขภาพ หรืออาหารอื่นบ้าง• เปลี่ยนเสียงนาฬิกาปลุก เปลี่ยนรายการวิทยุ หรือทีวีไปเป็นรายการที่คุณไม่เคยฟัง รายการเด็กเป็นตัวอย่างที่ดีในการกระตุ้นสมองให้สนใจในเรื่องที่คุณเคยมองข้าม• เปลี่ยนเส้นทางที่จะเดินทางไปทำงาน
จากการศึกษาภาพถ่ายของสมอง กิจกรรมใหม่ๆจะกระตุ้นเซลล์ประสาทที่กินพื้นที่สมองชั้นนอกในบริเวณกว้าง วิธีเติมกิจกรรมใหม่นี้จะให้ผลลดลงเมื่อกิจกรรมนั้นกลายเป็นสิ่งที่ทำเป็นกิจวัตรหรือเป็นอัตโนมัติ เนื่องจากสมองต้องใช้พลังในการทำสิ่งใหม่ๆ มากกว่าต่อนทำกิจกรรมที่ทำจนชินแล้ว

5. เซ็กซ์ สุดยอดกิจกรรมออกกำลังสมอง ความตื่นเต้นระทึกใจจากกิจกรรมแปลกใหม่ เป็นหัวใจหลักของการเร้าอารมณ์รักโดยเฉพาะในคู่สมรสที่แต่งงานมานาน เพราะช่วยให้คู่รักพบกับความท้าทายและตื่นเต้นจากประสบการณ์ทางเพศแบบใหม่ ใช้จินตนาการและดึงอารมณ์ความรู้สึกทุกส่วนออกมาปรับใช้ เช่น สวมชุดนอนผ้าไหมที่ให้ความรู้สึกสัมผัสที่เรียบลื่น โรยกลีบกุหลาบหอมกรุ่นบนเตียง นวดสัมผัสกันและกันด้วยน้ำมันหอมระเหย หรือสร้างบรรยากาศด้วยเสียงเพลงโรแมนติก
เซ็กซ์ที่ดีนับเป็นการออกกำลังสมองที่ดี ฟังดูอาจเป็นการสรรเสริญเยินยอกิจกรรมบนเตียง แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ได้เป็นการกล่าวเกินจริง เพราะในกิจกรรมร่วมรักมีการใช้ประสาทสัมผัสทุกอย่างที่ก่อให้เกิดการกระตุ้นในวงจรสมองทุกส่วนรวมทั้งวงจรที่รับรู้เรื่องอารมณ์

(อันนี้สำคัญมากนะครับ)

มาออกกำลังกายกันเถอะ

การเริ่มต้นออกกำลังกาย
หลายท่านไม่เคยออกกำลังมาก่อนเมื่อเริ่มออกกำลังอาจจะทำให้เหนื่อยง่ายวิธีดีที่สุดของการเริ่มต้นออกกำลังกายคือให้เริ่มออกกำลังกายจากกิจวัตรประจำวัน เช่น

  • ใช้การเดินหรือขี่จักรยานเมื่อไปที่ไม่ไกล
  • หยุดใช้รถหนึ่งวันแล้วใช้การเดินไปทำงานสำหรับผู้ที่บ้านและที่ทำงานไม่ไกล
  • ใช้บันไดแทนการขึ้นลิฟต์หรือบันไดเลื่อน
  • ขี่จักรยานรอบหมู่บ้าน
  • ทำงานบ้าน เช่นทำสวน ล้างรถ ถูบ้าน

ทำกิจวัตรเหล่านั้นทุกวันเป็นเวลา 2-3 เดือน หลังจากเพิ่มกิจกรรมได้พักหนึ่งจึงเริ่มต้นเพิ่มการออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น เช่น

  • เดินให้เร็วขึ้นสลับกับเดินช้า
  • ขี่จักรยานนานขึ้น
  • ขึ้นบันไดหลายชั้นขึ้น
  • ขุดดิน ทำสวนนานขึ้น
  • ว่ายน้ำ
  • ต้น aerobic แต่ไม่ต้องมาก
  • เต้นรำ
  • เล่นกีฬา เช่น แบดมินตัน เทนนิส ปิงปอง

เทคนิคของการออกกำลังกายเป็นประจำ

  • จะต้องตระหนักว่าการออกกำลังกายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตซึ่งจะขาดไม่ได้เหมือนการนอนหลับ หรือการรับประทานอาหาร
  • เลือกการออกกำลังกายที่ชอบที่สุด และสะดวกที่สุด
  • ครอบครัวอาจจะมีส่วนร่วมด้วยก็จะดี
  • ช่วงแรกๆของการออกกำลังกายไม่ควรจะหยุด ให้ออกจนเป็นนิสัย
  • บันทึกการออกกกำลังกายไว้
  • หาเป็นไปได้ควรจะมีกลุ่มเพื่อออกกำลังกายร่วมกันเพราะกลุ่มจะช่วยกันประคับประคอง
  • ตั้งเป้าหมายการออกกำลังและการรับประทานทุกเดือนโดยอย่าตั้งเป้าหมายสูงเกินไป
  • ติดตามความก้าวหน้าโดยดูจากสมุดบันทึก
  • ให้รังวัลเมื่อสามารถบรรลุเป้าหมาย(ห้ามการเลี้ยงอาหาร)
  • ที่สำคัญการออกกำลังแม้เพียงเล็กน้อยดีกว่าการไม่ออกกำลังกาย

วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ปัจจุบันปัญหาบ้านเมืองเป็นปัญหาใหญ่ที่ควรรีบแก้ไขโดยด้วนที่สุด !!

จากมุมมอองของประชาชนทั่วไป จะเห็นได้ว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
เป็นกลุ่มคนกลุ่มเล็กเล็กที่ต้องการโค้นล้มรัฐบาล และ พยายามจะก่อความวุ่นวายอยู่เสมอ
อย่างที่คนส่วนใหญ่ได้รับฟังข่าวจากสื่อทั่วทั่วไป อย่างเช่น เด็กนักเรียนที่เรียนอยู่ใกล้
เวทีพันธมิตรไม่สามารถเรียนหนังสือได้เนื่องจากเสียงรบกวนจากเวทีปราศรัย

แต่ผมอยากให้ทุกท่านได้มอง ว่าสิ่งที่เค้าออกมาพูดอยู่ทุกทุกวันนั้นเค้าทำเพื่ออะไร เพื่อใคร

ปัจจุบันสื่อต่างต่างที่ประชาชนทั่วไปได้รับนั้น จะเป็นการบิดเบือนความจริง ไม่ก็ให้ข้อมูลนิดนิดหน่อยหน่อย
ไม่สามารถสร้างความเข้าใจกับประชาชนได้

ดังนั้นพวกเราทุกทุกคนที่รักประเทศ ควรให้กำลังใจ และ สนับสนุนกลุ่มพันธมิตร
ไม่เช่นนั้นอีกไม่นานประเทศชาติจะตกเป็นของกลุ่มนักการเมืองที่หวังจะหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง
ดั่งเช่นที่เราได้สูญเสียเขาพระวิหารให้เขมร เพื่อที่ใครบางคนจะได้ผลประโยชน์จากแหล่งก๊าชธรรมชาติ
และเกาะกง

วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ประเทศไทย ใครทำพัง??

ปัจจุบันเทคโนโลยีเปลี่ยนไป จิตใจคนก้อเปลี่ยนแปลง ต่างคนต่างคิดถึงแต่ตนเอง เหมือนอย่างโฆษณาชิ้นนึง ผมคาดว่าทุกคนคงได้ดูกันแล้ว อยากบอกว่าชอบมากครับ คนคิดโฆษณาชิ้นนี้นั้น เรียกได้ว่า เอาความจริงมาตีแผ่กันเรยที่เดียว โฆษณาชิ้นนี้เป็นของกองทัพบก ในโครงการคุณธรรมนำไทย ซึงผมดูกี่ที กี่ที ก็สะท้อนใจดีคับ เห็นภาพเลย ว่าสังคมไทยในปัจจุบันเป็นเช่นไรกัน ต่างคนต่างนิ่งดูดาย สนใจแต่ตนเอง คนไม่กี่คนที่พยายามทำดี ก็พยายามไปใครจะเห็น (จะเห็นได้ไงครับ ดันไปอยู่หลังรถบัส) 555 เมื่อคนที่พยายามอยู่ท้ายที่สุดหมดแรงลง แล้วใครล่ะที่เดือดร้อน ถ้าเราเทียบรถบัสคันนั้นเป็นประเทศไทยเรา เราคนไทยก็อยู่บนผืนแผ่นดินไทย ถ้าประเทศไทยพังลง ใครกันที่เดือนร้อน เฉกเช่นเดียวกันครับ พวกเราเองนั่นแหล่ะ ที่ไม่เคยดูดำดูดีอะไรเลย แม้กระทั่งเกิดปัญหาขึ้น ต่างคนต่างยังไม่รู้สึกสำนึก เอาแต่ตื่นอกตกใจ โทษกันไป โทษกันมา สวดภาวนาอ้อนวอน แล้วใครล่ะจะมาช่วยเรา ถ้าแม้แต่เรายังไม่คิดที่จะช่วยตนเอง ถ้าทุกคนพร้อมใจกัน หันมาช่วยเหลือกันแต่แรก คงจะไม่เกิดปัญหาเช่นเดียวกับรถบัสคันนั้นอย่างแน่นอน ครั้งพอเห็นเทวดา ก็คงคิดกันว่าเทวดามาโปรด แต่แล้วในความเป็นจริง ก็เป็นเพียงความฝันลมๆ แล้งๆ ที่ไม่มีใครจะมาเป็นเทวดามาโปรดได้จริง ถ้าท้ายที่สุดทุกคนยังไม่ตื่นตัวกัน ไม่ลงมาช่วยกันเข็นรถกันตั้งแต่ตอนนี้ รึจะรอให้รถคันที่พวกเรากำลังนั่งอยู่นี้ไหล ลงเขาไปเหมือนอย่างในโฆษณาครับ อยากให้ทุกคนคิดสักนิด โฆษณาชิ้นนี้จะเป็นแรงผลักดันให้เราอย่างดี ทำความดีไม่ต้องรอเวลา ทำได้ทันที ทำได้เดี๋ยวนี้ ถ้าทุกคนทำได้ ผมเชื่อว่า รถคันที่พวกเราร่วมนั่งกันมา จะต้องสามารถฟันฝ่าอุปสรรค ผ่านพ้นเนินนี้ไปได้อย่างแน่นอน...

วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ตลาดรถในอนาคต

ในขณะนี้ราคานำมันพุ่งขึ้นสูงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะดีเซลที่พุ่งสูงเกินเบนซิลซะล่ะ (ตามความเป็นจริงดีเซลต้องถูกกว่าเบนซิลน่ะครับ)

ในความคิดของคนส่วนมาก ถ้าเรามีรถที่ไม่ต้องใช้นำมันได้ก็ดีสิครับ บางคนก็ฝันครับ ความฝันทำให้เกิดความจริงได้ครับ อย่างเช่นรถไฟฟ้า รถพลังงานทางเลือก หรืออื่นๆอีกมากมายเท่าที่มนุษย์จะสามารถจินตนการหรือฝันไปได้ แต่ถ้าเรามามองโลกแห่งความเป็นจริง ก็มีแต่รถ city car หรือรถ eco car ที่พอจะเป็นที่เพิ่งพาในโลกแห่งความเป็นจริงได้

งั้นเรามามองโลกแห่งความเป็นจริงในอนาคตดีกว่าไหมครับ ภายในปีนี้หรืออย่างช้าก็ปีหน้าค่ายโตโยต้า พี่บิ๊กของวงการรถยนต์เมืองไทยได้ประกาศว่า จะมี Altis ที่ติดตั้ง NGV ออกมาจากโรงงานเลย ข้อดีคือโตโยต้ารับผิดชอบครับ เพราะถ้าคุณเอาไปติดเองเหมือนพี่ๆ taxi เวลารถเกิดอะไรขึ้นมาบริษัทรถเค้าไม่รับผิดชอบน่ะเออ ส่วนอีกความหวังสำหรับคนมีเงินเพิ่มขึ้นมาอีกก็จะเป็น Camry hybrid ซึ่ง hybrid นี้ก็คือรถนอกเหนือจะมีเครื่องยนต์ที่ใช้นำมันตัวรถยังมีมอเตอร์ไฟฟ้าที่กำเนิดพลังงานอีกด้วย ซึ่งการที่ใช้ระบบร่วมนี้ทำให้รถระดับ medium sedan รุ่น Camry ซึ่งปกติจะกินนำมันประมาณ 8-12 กิโลเมตรต่อลิตร สามารถจะกินนำมันน้อยลงไปได้ประมาณ 20++ กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งเท่ากับว่าตัวรถสามารถทำให้นำมัน 1 ลิตรวิ่งได้ไกลขึ้นเพราะว่าตัวรถมีแบตเตอรี่ช่วยด้วยไงครับ

สำหรับราคาค่าตัวของ Altis NGV ตัวบริษัทโตโยต้าเองเล็งไว้เป็นทางเลือกของสหกรณ์ taxi หรือคนขับ taxi ทั่วไปเพราะการที่ต้องต่อคิวนานในการเติม NGV พลักดันให้พวกพี่ๆ taxi ไปติด LPG กันหมดแล้วครับ (แก๊ส LPG นี่คือแก๊สที่เราเอามาทำกับข้าวกันน่ะครับ เท่ากับว่าพี่ taxi ไปแย่งพ่อค้าแม่ค้าน่ะครับ) ถ้าตัวรถที่ติด NGV ออกมาจากโรงงานก็จะสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ในระดับหนึ่งซึ่งราคาคงไม่สูงมาก แต่ว่าคุณภาพรถก็จะประมาณรุ่น Limo คือเป็น taxi ครับผม ส่วน Camry hybird นั้นไม่ต้องสงสัยเลยครับว่าราคาต้องพุ่งมากกว่า ล้านเจ็ดแสนแน่นอนครับ(รุ่น 2.4 มี Navigator) แต่ว่าผู้บริหารของโตโยต้ามาให้ข่าวดักหน้าว่าราคาจะไม่เกิน 2 ล้านแน่นอนครับ แสดงว่าเจ้า Camry 3.5 นั้นราคาสุดโต่งจากภาษีครับผม

ถ้าคนที่จะรอรถพลังงานทางเลือกก็รอเถอะครับ สำหรับคนที่ชอบ city car นั้นผมบอกได้ว่า ประมาณช่วงกันยายนนี้ Honda city ตัวใหม่ก็จะออกแล้วน่ะครับรูปร่างก็คล้ายๆ Civic ย่อส่วนครับผม แล้วปีหน้าหรืออีกประมาณ 2 ปีข้างหน้า Mazda 2 สุดสวยก็จะออกมาแย่ง market share ของตลาดรถ sub-compact แน่นอนครับ

วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2551

Pattaya City เมืองที่เคยหลับ



เมื่อพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวในวันหยุดเทศกาลหรือพักร้อน อันดับต้นๆหรืออาจจะเป็นอับดับแรกเลยก็ว่าได้คงหนีไม่พ้นทะเล ซึ่งก็มีหลายที่ในประเทศไทยให้นักท่องเที่ยวได้ไปพักผ่อนคลายเครียด ปลดปล่อยอารมณ์ไปกับคลื่นและสายลมไม่ว่าจะเป็นภูเก็ต,กระบี่ เป็นต้น แต่สำหรับข้าพเจ้าแล้วข้าพเจ้าจะคิดถึงสถานที่ที่ใกล้ๆกรุงเทพ นั่นก็คือ พัทยา ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหล คุณเห็นด้วยกับคำกล่าวนี้หรือไม่

พัทยาเป็นเขตปกครองพิเศษที่ปกครองตนเอง ผ่านการดูแลจากนายกเมืองพัทยาซึ่งได้จากการเลือกตั้งจากคนพัทยาเอง โดยพัทยาเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี การเดินทางจากกรุงเทพไปพัทยาก็ทำได้หลายทางตั้งแต่ขับรถไปเอง จนกระทั่งแบกเป้ขึ้นรถทัวร์อย่างข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าว่ามันให้อารมณ์ของการผจญภัยแถมประหยัดอีกด้วย ยิ่งในช่วงนี้น้ำมันราคาแพงมาก เมื่อคุณถึงเมืองพัทยาแล้วหากอยากเที่ยวแบบคล่องตัวและสัมผัสให้ถึงเมืองพัทยาจริงๆแล้วละก็ ข้าพเจ้าของแนะนำให้เช่ารถมอเตอร์ไซด์ที่เมืองพัทยานั่นเลย โดยค่าเช่าสำหรับคนไทยก็สงวนราคาอยู่ที่ 200-400 บาทแล้วแต่ร้านที่ไปเช่า ซึ่งร้านประจำของข้าพเจ้าจะอยู่ที่พัทยาสาย2 ซอย 10 เจ้าของชื่อลุงหมานคิดราคาคนไทยอยู่ที่ 200 บาทมัดจำไว้ 1,000 บาทเมื่อนำมาคืนก็ได้เงินคืน จากนั้นคุณก็ขับยานพาหนะดังกล่าวไปเที่ยวชมเมืองพัทยาได้ตั้งแต่เช้าโดยข้าพเจ้าแนะนำให้ไปขึ้นเรือเพื่อข้ามไปเล่นน้ำทะเลที่เกาะล้านก่อนตั้งแต่เช้าเพราะแดดจะได้ไม่ร้อนมาก ซึ่งก็ประมาณ 6.30- 7.30น.น่าจะไปให้ถึงท่าเรือและควรขึ้นเรือของชาวประมงที่จะรับพวกพ่อค้าแม่ค้าไปยังเกาะล้านเพราะค่าเรืออยู่ที่ 20 บาทเท่านั้น ซึ่งหากไปขึ้นเรือสำหรับนักท่องเที่ยวจะต้องเสียประมาณ 400-600 บาทแถมยังกำหนดเวลากลับให้ด้วยไม่อิสระเหมือนกับเราไปเองเพราะเรือชาวประมงออกทุก 30 นาที รอบสุดท้ายที่ออกจากเกาะน่าจะประมาณ 18.00 น.โดยส่วนใหญ่เรือจะไปจอดที่หาดตาแวงซึ่งเป็นหาดที่มีคนมากทั้งไทยและเทศ เพราะใกล้ท่าเรือและมีร้านอาหารเยอะแต่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีน ส่วนฝรั่งเขามักจะไปหาดที่สงบกว่านี้ซึ่งคนแถวนั้นเขาบอกข้าพเจ้ามาเพราะข้าพเจ้าเห็นว่ามีฝรั่งน้อย คุณสามารถเล่นน้ำได้ตามสบายจนคุณพอใจแต่น่าจะกลับไปยังพัทยาประมาณบ่ายโมงเพราะจะได้ไปเที่ยวที่อื่นอีก พอถึงพัทยาคุณน่าจะขับรถไปยังปราสาทสัจธรรมเพื่อเยี่ยมชมความงามของสถาปัตยกรรม จากนั้นก็ไปต่อที่ฟาร์มจระเข้ซึ่งที่นั้นมีการตกเบ็ดจระเข้ด้วยซี่โครงไก่สดผูกไว้ที่ปลายไม้ไผ่ยาว โดยนักท่องเที่ยวจะหย่อนลงไปที่บึงจระเข้ด้านล่างบางคนก็แกล้งไม่ให้มันกินได้ง่ายซึ่งทุกครั้งที่มันกินจะมีเสียงงับที่ดังน่าขนลุกว่าหากเปลี่ยนจากซี่โครงไก่เป็นคนจะเป็นอย่างไรซึ่งกิจกรรมนี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากชาวต่างชาติโดยเฉพาะฝรั่งเพราะราคาอยู่ที่ 50 บาทต่อหนึ่งไม้ทำให้ชาวไทยอย่างเราไม่กล้าให้เพราะซื้อข้าวกินเองได้เลย โดยเราจะเป็นผู้ยืนดูให้กำลังใจจระเข้งับเหยื่ออยู่ข้างๆ พอออกจากฟาร์มจระเข้คุณอาจจะไปชมความงามของบ้านสุขาวดีซึ่งเจ้าก็เป็นคนเดียวกับเจ้าของ ซี.พี. แถมมีสารพัดอาหารไก่ให้ได้เสียเงินกันด้วย บ้านสุขาวดีจะเน้นไปที่การสร้างตามหลักฮวงจุ้ยเพราะหน้าบ้านติดถนนใหญ่เลย ในบ้านมีน้ำพุเต็มไปหมด อีกทั้งยังมีเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่อยู่ที่ดาดฟ้า ยังไม่พอด้านหลังเป็นวิวทะเลด้วยซึ่งปกติต้องเสียค่าผ่านประตูแต่ข้าพเจ้าไม่ได้ถามมาว่าเท่าไรเพราะตอนที่ข้าพเจ้าไปเขาเปิดให้เข้าฟรีเพื่อร่วมลงนามไว้อาลัยต่อสมเด็จพระพี่นางฯ เมื่อเยี่ยมชมความงามทั่วแล้วซึ่งก็น่าจะประมาณห้าหกโมงเย็นแล้วข้าพเจ้าของแนะนำให้ท่านไปที่สวนสนุกพัทยาปาร์คเพื่อสร้างความสนุกปนความเสียวเพราะที่นั่นจะมีเครื่องเล่นที่ท้าทายความสูงอยู่นั่นก็คือ Tower Shot ที่จะลากเราขึ้นไปยังที่สูงซึ่งสามารถมองเห็นวิวพัทยาได้หากท่านกล้าลืมตามองจากนั้นมันจะปล่อยทันลงเหมือนตกตึกเลยก็ว่าได้แต่ปลอดภัยไม่น่าเป็นหวง แต่ความเสียวมีเต็มร้อยแน่นอน เมื่อเสร็จสิ้นจากการย้อนเวลาไปวัยเด็กแล้วท่านก็ควรกลับไปที่พักเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และหาอาหารรับประทาน เพราะเราจะไปตะลุยราตรีกันต่อ เริ่มจากการไปดูโชว์สาวประเภทสองซึ่งมีให้เลือก 2 ที่คือ อะคาซ่า และทิฟฟานี่ หรือท่านจะไปดูมายากลที่ปราสาทเวทมนต์ก็ได้โดยทั้งหมดนี้อยู่ที่พัทยาสายสอง เป็นถนนที่อยู่หลังหาด เมื่อดูเสร็จแล้วอย่าลืมถ่ายรูปกับเหล่านักแสดงไว้เป็นที่ระลึกแต่ไม่ฟรีนะรูปละ 20 บาทถ้าใช้กล้องของเราแต่ถ้าเขาถ่ายให้ก็ 100 บาทได้กลับไปบ้านเลย จากนั้นเราก็น่าจะไปเดินดูของขายที่ถนนริมหาดเพราะจะมีของแปลกๆให้ท่านได้ดูหรืออมยิ้มได้แต่บอกไว้ก่อนว่าเด็กๆไม่ควรดูเพราะเขาเอาไว้ขายฝรั่งที่มาเที่ยวที่พัทยา แต่ที่ข้าพเจ้าสนใจคือเสื้อที่สกรีนว่า Good guy go to heaven Bad guy go to Pattaya เพราะดูเหมือนฝรั่งจะชอบที่จะเป็น Bad guy เนื่องจากขายดีทีเดียว ซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่าหนึ่งประโยคนั้นสะท้อนให้เห็นอะไรหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นลักษณะสังคมในพัทยา,การดำเนินชีวิต รวมไปถึงทัศนคติของทั้งคนพัทยาและนักท่องเที่ยวที่ส่อไปในทางลบ แต่นั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจทราบได้ว่าแท้จริงแล้วชาวพัทยาอยากให้เป็นและยอมรับต่อคำกล่าวนั้นจริงหรือ เอาเป็นว่าไปเที่ยวกันต่อที่ถนนคนเดินหรือ Walking Street โดยข้างทางจะเป็นร้านอาหารทะเลและผับ บาร์ A go go เต็มไปหมดแค่เดินเฉยๆก็เหนื่อยได้แล้วเพราะตามทางจะมีแสดงโชว์ขอเงินมากมายไม่ว่าจะเป็นเด็กเดาะบอล,มายากล รวมไปถึงแสดงเป็นหุ่นก็มี แต่หากท่านอยากจะเข้าไปฟังเพลง เต้นรำก็เลือกร้านได้ตามใจชอบร้านน่าจะปิดประมาณตี 3 จากนั้นท่านก็กลับไปพักผ่อนหรือหากหิวก็แวะทานอะไรก่อนเข้าห้องพักก็ได้เพราะมีอาหารขายตลอดอยู่แล้ว

จะเห็นได้ว่าพัทยาเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับเลยจริงๆ อย่างน้อยก็ในความคิดของข้าพเจ้าเพราะท่านสามารถทำกิจกรรมได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำโดยมีสถานที่ให้ท่านได้ไปเยี่ยมชมตลอด ซึ่งจุดนี้อาจเป็นจุดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกให้มารวมกันอยู่ที่พัทยาก็มาได้ แต่ทุกอย่างก็ควรระมัดระวังตัวเองด้วยไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตามในโลกย่อมมีอันตรายแอบแฝงในที่นั้นๆ และถึงแม้พัทยาจะมีชื่อเสียที่ไม่ดีในบ้างเรื่องแต่เราก็คงยากที่จะปฏิเสธว่าพัทยาเป็นอีกเมืองที่ทำรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างมหาศาลให้กับประเทศไทย ดังนั้นข้าพเจ้าคิดว่ารัฐบาลน่าจะเข้าไปให้ความดูแลและแก้ไขในสิ่งที่เป็นจุดด้อยเพื่อเพิ่มเสน่ห์ที่ดีงาม พร้อมทั้งฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไปให้กับเมืองพัทยาเมืองแห่งความครื้นเคลงของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

โรควุ้นตาเสื่อม

โรควุ้นลูกตาเสื่อม (Vlireous degeneration) :: โรคทางคอมพิวเตอร์

เตือนคนที่ใช้คอมพิวเตอร์บ่อย ไม่ว่าจะใช้เล่นเกมส์ หรือใช้ว่าทำงานลองอ่านดูนะ แล้วก็ดูแลตัวเองด้วย ตอนนี้ในประเทศไทยมีคนเป็นโรค ' วุ้นในลูกตาเสื่อม ' ถึง 14 ล้านคนแล้วครับจากข้อมูลทางหนังสือพิมพ์?? นี่เฉพาะแค่ที่มีข้อมูลบันทึกไว้นะครับ คนที่ไม่รู้ตัวเองว่าตัวเองก็เป็นจะมากขนาดไหน


อาการก็คือ== > คุณจะเห็นเป็นคราบดำๆ เหมือนยักใย่ ลอยไปลอยมา เหมือนคราบที่ติดกระจกน่ะ จะเห็นชัดก็ต่อเมื่อ คุณมองไปยังภาพแบล็คกราวนด์ที่มีสีสว่าง เช่น ท้องฟ้าขาวๆ ฝาห้องขาวๆ ฝาห้องน้ำขาวๆ จะเห็นเป็นคราบดำๆ ลอยไปลอยมา ถ้าอาการมากกว่านั้นก้อคือ ประสาทตาฉีกขาด คุณจะมองเห็นแสงแฟลชในที่มืด ไม่ว่าหลับตาหรือลืมตา (น่ากลัวมากๆ) และถึงขั้นนี้จะต้องผ่าตัด (ซึ่งไม่มีอะไรรับประกันว่าจะดีเหมือนเดิม จะตาบอดหรือไม่ ?)

สาเหตุของโรคนี้คือ => การใช้สายตามากเกินไป ( เล่นคอม)

แต่ก่อนโรคนี้จะเกิดกับผู้สูงอายุ หรือ คนที่มีอาชีพใช้สายตามากๆ เช่น ช่างเจียรไนเพชรพลอย ที่ต้องใช้สายตาเพ่งมากๆ แต่เดี๋ยวนี้คนเป็นโรควุ้นในลูกตาเสื่อมกันมากเพราะ เล่นเนต หรือ เล่นคอม

คุณฟังไม่ผิดหรอก เดี๋ยวนี้คนเป็นโรคนี้กันมากเพราะเล่นคอมนี่แหละ ถามว่าทำไม คนเล่นเนต เล่นคอม ถึงเป็นกันมาก ? ไม่ว่าคุณจะเล่นเนต , เล่นเกมส์ , อ่านไดอารี่ , อ่านบทความ , อ่านหนังสือ หรืออะไรก็ตาม ที่อยู่บนจอคอมพิวเตอร์ ล้วนทำให้สายตาคุณเสียได้ทั้งสิ้น
เพราะว่า ถ้าคุณอ่านหนังสือที่เป็นแผ่นกระดาษธรรมดาๆ ระยะห่างระหว่าง ลูกตา กับ ตัวหนังสือ จะคงที่ แน่นอน เพราะขอบของตัวหนังสือจะคมชัด
ทำให้สมองกะระยะโฟกัสได้ถูกต้องแน่นอน กล้ามเนื้อและประสาทตา จึงทำงานค่อนข้างคงที่

แต่ ! ตัวหนังสือบนจอคอมพิวเตอร์นั้น มีลักษณะเป็นจุดๆ ประกอบกัน เหมือนแขวนลอยบนจอ ขอบของตัวหนังสือไม่ชัด สมองจะสับสนในการปรับระยะโฟกัส (เพราะจอแก้ว จะมีความหนาของแก้ว แต่เรามองผ่านมันไป และจอ LCD เราก้อต้องมองผ่านเข้าไปเหมือนกัน ตัวหนังสือมันไม่ได้ติดอยู่ด้านบนเหมือนอยู่บนแผ่นกระดาษ การปรับระยะโฟกัสจึงไม่แน่นอน )

บวกกับ ลักษณะการอ่านหน้าหนังสือในคอมนั้น จะต้องใช้เม้าส์จิ้ม ลากแถบด้านข้างจอ เพื่อเลื่อนบรรทัดหนังสือขึ้นลง เพื่อจะอ่านบรรทัดด้านล่างได้ หรือไม่ก็ใช้ลูกหมุนที่อยู่บนเม้าส์ หมุนเพื่อเลื่อนบรรทัดหนังสือ แต่การเลื่อนบรรทัดนี้ มันไม่เหมือนกับการอ่านหนังสือจากแผ่นกระดาษที่แขนกับคอ จะปรับการมองขึ้นลงโดยอัตโนมัติ มีระยะที่แน่นอน สัมพันธ์กัน

แต่ว่าการเลื่อนบรรทัดด้วยแถบด้านข้างหรือลูกกลิ้งบนเม้าส์นั้น มันจะมีลักษณะการเลื่อนแบบกระตุกๆ (คุณสังเกตุดู) มันจึงทำให้ปวดตามากๆ เพราะลูกตาจะต้องลากลูกตา เลื่อนตามบรรทัดที่กระตุกๆ นั้นไปตลอด บวกกับ การพิมพ์ตัวหนังสือนั้นบางที คุณต้องก้มเพื่อมองนิ้ว
ว่ากดตำแหน่งบนแป้มพิมพ์ถูกตัวอักษรหรือไม่ ทำให้เดี๋ยวก้ม เดี๋ยวเงย ลูกตาปรับโฟกัสบ่อยเกิน ทำให้ลูกตาทำงานหนัก กว่าจะพิมพ์งานเสร็จคุณจะปวดตามากๆๆ อย่างเด็กนักศึกษา เร่งพิมพ์รายงานส่งอาจารย์ ติดต่อกันข้ามคืน สองสามวัน ตาจะปวดมากๆ รวมทั้งเวลาการเปิดโปรแกรม
word ในการพิมพ์ตัวหนังสือมักจะมีสีพื้นที่เป็นสีสว่าง (ที่นิยมก็คือ ตัวหนังสือดำ พื้นสีขาว ) สีพื้นที่สว่างขาวจ้า นี่เอง ทำให้ตาคุณจะเกิดอาการแพ้แสง ถ้ามีการพิมพ์ติดต่อกันนานๆ เพราะจ้องจอสีขาวนานเกินไป หรือไม่ก็ ในคนที่ชอบเล่นเกมส์บ่อยๆ มักจะมีการปรับแสงสว่างให้จ้าที่สุด
เพราะเวลาเล่นเกมส์ ภาพพื้นหลังของเกมส์มักจะมืดๆ เป็นสีกำแพง เป็นสีปราสาท มันจะให้สีสวยสดดี

แต่การทำแบบนี้มีข้อเสียคือ บางทีคุณหรือพี่น้องของคุณมาใช้คอมเครื่องนั้นต่อ จะทำให้บางครั้งลืมปรับความสว่างกลับมาให้มืดเหมือนเดิม
จากที่แค่สว่างพอที่จะพิมพ์รายงาน กลายเป็นจ้องจอสว่างจ้าตลอดคืนไม่รู้ตัว สรุปก้อคือ

1. การมองตัวหนังสือที่แขวนลอยอยู่ในจอ โฟกัสไม่แน่นอน กล้ามเนื้อลูกตาทำงานหนัก "ทำให้สายตาเสีย"

2. การเลื่อนตัวหนังสือและแถบบรรทัด ในหน้าคอม หรือ หน้าเนต มันจะเลื่อนแบบเป็นกระตุกๆ ' ทำให้สายตาเสีย การกระตุกๆ ของแถบบรรทัดนี่เองที่ทำให้สายตาเสีย ถ้าคุณอ่านหนังสือจากเวปมากๆ คุณจะติดนิสัยเสียอย่างนึงติดตัวไปคือ คุณจะติดนิสัย มองอะไรก็ตาม ไม่ว่าใกล้ไกล จะปรับโฟกัสมองเพ่งอยู่เสมอ ผลก้อคือ กล้ามเนื้อตาทำงานหนัก คุณจะเริ่มมองของที่อยู่ไกลๆ เบลอๆ คุณจะไม่สามารถปรับโฟกัส มองของใกล้ แล้วมองไกล ได้ทันทีเหมือนเคย (กล้ามเนื้อประสาทลูกตาจะล้า การปรับโฟกัสลูกตาเริ่มช้าลง)

3. การก้มๆเงยๆ มองแป้นพิมพ์ และมองจอคอม กลับไปกลับมา ' ทำให้สายตาเสีย '

4. การปรับจอภาพที่มีแสงสว่างจ้า มากเกินไปโดยไม่รู้ตัว ' ทำให้สายตาเสีย ' ( ข้อนี้ คล้ายๆ กับ การเปิดดูทีวี ในห้องมืดๆ เป็นประจำ แล้วทำให้สายตาเสียน่ะเอง อย่างเดียวกัน)

5. การใช้จอคอม ที่มีความกว้างมากเกิน จอคอมกว้างๆ นั้น เหมาะสำหรับการดูภาพดูหนัง แต่ไม่เหมาะกับการดูตัวหนังสือ เพราะว่า สายตาคนเรานั้นมีระยะการมองตัวอักษรที่ 1 ฟุต ( 12 นิ้ว) แต่จอคอมสมัยใหม่ กลับมีความกว้าง 17 นิ้ว 19 นิ้ว หรือมากกว่านั้น ซึ่งมันกว้างเกินระยะกวาดสายตามอง จากขอบหนึ่งไปสู่อีกขอบหนึ่ง ( ทำให้ปวดทั้งคอ ทั้งลูกตา) แค่คุณนั่งอ่านหนังสือบนจอกว้างแบบนี้หนึ่งชั่วโมง ลูกตาคุณจะทำงานปรับโฟกัส กลับไปกลับมาเป็นพันๆ ครั้ง และถ้าเป็นปี หรือ หลายปี ติดต่อกัน สายตาคุณเสียแน่นอน เพราะฉะนั้น ถ้าคุณจะอ่านหนังสือจากจอคอม
ขนาดของจอคอมของคุณควรไม่เกิน 15 นิ้ว

ถามกลับไปว่า ทำไม กระดาษเอกสารที่ใช้ในการอ่าน การเขียนทั่วไป จึงมีขนาด A4 ? (คำตอบ ก็คือ ความกว้างของกระดาษ A4 ไม่กว้างเกินไป กำลังพอดี ในการกวาดสายตามอง ยังไงล่ะ)

และเป็นคำตอบเดียวกับที่ว่า ทำไมขนาดของจอคอมคุณที่จะเอามาอ่านหนังสือ ไม่ควรเกิน 15 นิ้ว นั่นเอง

ส่วนมากคนทั่วไป มักจะคิดไม่ถึงว่า การเล่นคอมทุกวัน ง่ายๆ นั้น จะเป็นสาเหตุให­่ที่สามารถทำให้ตาบอดได้ ถ้าเกิดรุนแรง เพราะกว่าจะรู้ตัวไปหาหมอ หมอก็อาจจะบอกว่าคุณไม่สามารถรักษาหายได้แล้ว และต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเท่านั้น!!! ผมจึงอยากจะฝากประโยคเอาไว้ให้คนที่เล่นคอมทุกคนว่า คอมพิวเตอร์นั้น มีไว้สำหรับการค้นหามูล ไม่ได้มีไว้สำหรับการอ่านเป็นประจำ โดยเฉพาะการอ่าน อะไรก็ตามที่ยาวๆ เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นไดอารี่ หนังสือบนเนต คุณเสี่ยงทั้งนั้น

เพราะฉะนั้น เราควรจะกลับมาอ่านหนังสือกระดาษกันเหมือนเดิม ลืมเรื่องเล่นเนต เล่นคอมซะ เพื่อสุขภาพตา ...............

เพิ่ม......................................
ปกติที่เห็นใยแมงมุมดำๆ (เรียกว่า Floaters) เป็นผลจากการเสื่อมสลายของวุ้นในลูกตาจนเกิดเป็นตะกอนข้างใน ไม่ได้เป็นอันตราย เมื่อเวลาผ่านไปตะกอนจะค่อยๆ ลอยออกจากลานสายตาไปอยู่บริเวณขอบๆ มากขึ้นจนเราจะไม่สังเกตเห็นมันไปเอง
แต่คนที่เริ่มมีอาการเห็นแสงกระพริบ (Flashing) นั้นน่าสงสัยว่าอาจมีจอประสาทตาลอก (Retinal detachment) หรือวุ้นลูกตาลอก (Posterior vitreous detachment)

คนที่เพิ่งจะเริ่มสังเกตเห็นอาการนี้เป็นครั้งแรก แนะนำให้ไปพบจักษุแพทย์ เพื่อตรวจดูว่าเริ่มมีจอประสาทตาลอก/วุ้นลูกตาลอกแล้วหรือยัง ถ้าแพทย์บอกว่ายังไม่มี เป็นแค่วุ้นลูกตาเสื่อมธรรมดา ก็สบายใจได้ แต่ไม่ใช่สบายจนลืมระวังตัวนะ ต้องคอยสังเกตตัวเองด้วยว่าถ้าเห็น Flashing กับ Floater ปริมาณมากกว่าเดิมแบบเฉียบพลัน ควรกลับไปพบแพทย์อีกครั้ง

ในคนปกติจะมีการเสื่อมสลายของวุ้นลูกตาอย่างช้าๆ อยู่ตลอดเวลาครับ แต่จะมีอาการเร็วหรือช้าก็ขึ้นกับปัจจัยเสี่ยงของแต่ละคนอีก
- คนที่มีสายตาสั้นมากๆ
- เคยมีประวัติกระทบกระเทือนลูกตาอย่างรุนแรง
- เคยมีการอักเสบหรือติดเชื้อภายในลูกตา
- เคยได้รับการผ่าตัดต้อกระจก
- คนที่มีวุ้นลูกตาลอกหรือจอประสาทตาลอกมาแล้วข้างหนึ่ง
- คนที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรควุ้นลูกตาเสื่อมหรือจอประสาทตาลอก
คนเหล่านี้ก็จะมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดการเสื่อมสลายของวุ้นลูกตาได้เร็วกว่าคนทั่วไป

การป้องกัน
จากที่ได้อ่านที่ดอสโพสไว้ การใช้สายตาให้น้อยลงก็อาจเป็นหนทางหนึ่งที่ป้องกันการเกิดได้นะ แต่ว่าในบทความของต่างประเทศส่วนใหญ่จะไม่ได้กล่าวถึงส่วนนี้
การป้องกันที่ดีที่สุดคือ การรู้จักอาการของโรค และระวังตัวเองอยู่เสมอ เมื่อเริ่มสังเกตเห็น Flashing หรือ Floaters ก็ควรพบจักษุแพทย์ทันทีเพื่อตรวจให้แน่ใจว่าไม่มีจอประสาทตาหรือวุ้นลูกตาลอกเกิดขึ้น เป็นการป้องกันไม่ให้โรคดำเนินไปถึงจุดที่อันตรายนั่นเอง


วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2551

หัวหิน

ถ้าคุณมีเวลาว่าง แล้วไม่รู้จะไปเทียวไหน................

ผมขอแนะนำ หัวหิน

หัวหิน อยู่ไม่ไกล จากกรุงเทพมาก ระยะทางประมาณ 200 กม. หรือใช้เวลาประมาณ 2 ชม. โดยใช้รถยนตร์ส่วนตัว เราใช้เส้นทาง จาก เส้น พระราม 2 ตรงไป 100 กม. แล้ว เลี้ยวเข้า เพชรบุรี ตามป้าย แล้วตามป้าย ชะอำ-หัวหิน แป๊ปเดียวก็ถึง ปัจจุบัน ถนนหนทางได้ขยายและมีคุณาพที่ดี

หัวหิน เป็นสถานที่ ที่ สวย สงบ และมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น

หัวหินมี โรงแรง ที่พักมากมาย ทั้งที่มีราคาถูกจนถึงแพงมากมาก มีร้านอาหารอร่อยอร่อย และบรรยากาศที่ดี

วันนี้ผมขอแนะนำโรงแรมที่มีราคากลางกลาง แต่สวยมาก

โรงแรมนี้ ชื่อว่า seahorse เป็น boutique hotel โรงแรมนี้หาไม่ยาก อยู่ตรงทางขึ้นเขาตะเกียบ ราคาประมาร 3000 บาท โดยรวม โรงแรมมีสีขาว มีห้องที่มีรูปทรงที่โดดเด่น และจุดเด่นของที่นี้ คือ มีสระว่ายน้ำ เปลี่ยนสีได้ ซึ่ง สวยมากในตอนกลางคืน

ร้าน อาหาร ที่ขอแนะนำ อยู่ที่ทางขึ้นเขาตะเกียบเหมือนกัน หาได้ไม่ยาก ร้านนี้มีชื่อว่า เจ้เขียว
เจ้เขียว บริการอาหารทะเล สดสด และอร่อย คนที่มาหัวหินส่วนมากจะรู้จัก

ส่วนใครที่ชอบกิน ส้มตำ ไก่ย่าง ขอแนะนำ ที่นึงอยู่หลังทางรถไฟ จำชื่อไม่ได้ ต้องลองถามคนท้องถิ่นดูเมนูเด็ด คือ ไก่วุ้นเส้น

และที่นี่มี ร้านเค้ก ติดชายหาด ชื่อว่า บ้านข้างวัง และเมนูที่ขาดไม่ได้ คือ เค้กมะพร้าว ขอรับประกันว่าอร่อยมากจริงจริง

ส่วนใครที่ชอบเที่ยว กลางคืน ผมขอ แนะนำ ร้าน หินน้ำ ทรายสวย อยู่ก่อนถึงหัวหินประมาณ 1กม.

ก่อนกลับจาก หัวหินขอแนะนำให้ลองเดินเล่นในตลาดเพื่อหาซื้อของฝาก เช่น กะปิหวาน แนะนำว่าอร่อยมาก เป็นต้นตำหรับเลยทีเดียว

ผมก็ขอแนะนำนิดนิดหน่อย เป็นการเรียกน้ำย่อยแล้วกัน เพื่อใครที่ไม่เคยไปจะอยากลองไปดู ผมหวังว่าคุณคงชอบหัวหินไม่น้อยไปกว่าผมเลย

คุณประโยชน์ของสมุนไพร

คุณประโยชน์ของสมุนไพรที่มีต่อร่างกาย
1. กำจัดและล้างสารพิษออกจากทั้งระบบของร่างกาย (Detoxification) สมุนไพรที่ช่วยกำจัดสารพิษได้แก่ ว่านหางจระเข้, ผลซิซานดร้า, แดนดิไลออน
2. ปรับระบบการทำงานของร่างกายให้สมดุลย์ (Body Balance) สมุนไพรในกลุ่มคือ โสมไซบีเรีย เห็นหลินจือ ผลซิซานดร้า
3. สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย (Immune System) สมุนไพรที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันได้แก่ แอสทรากาลัส, เห็ดหลินจือ, รากขิง, ซาร์ซะพาริลลา, โสมไซบีเรีย
4. ต่อต้านหรือทำลายอนุมูลอิสระ (Antioxidant) และ ป้องกันมะเร็ง สมุนไพรที่ช่วยทำลายอนุมูลอิสระ คือ รากชะเอม ข้าวบาร์เลย์จีน และเยอรมันคาโมมายล์ แอสทรากาลัส เมล็ดขึ้นฉ่าย แดนดิไลออน ฟีนูกรีก ผลจูนิเปอร์ รากชะเอม เลมอนบาล์ม พิสซิสเซว่า ผลซิซานดร้า
5.ช่วยระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น (Digestion System) สมุนไพรที่ช่วยเรื่องระบบย่อยอาหารคือ แคปซิคัม (ผลพริกแพง) คาโมมายล์เยอรมัน รากขิง ว่านหางจระเข้
6. ชะลอความแก่ของร่างกาย และผิวพรรณสดใสขึ้น (Slowing Age) สมุนไพร ทำให้เซลล์แอคทีฟ สร้างเซลล์ใหม่ ผลิตเซลล์ใหม่ ทำให้ผิวพรรณสดใสขึ้น
สมุนไพรยังช่วยคนจำนวนมากที่เจ็บป่วยด้วยโรคเหล่านี้ - ข้ออักเสบ หอบหืด ผื่นแพ้ โรคไขข้อ โรคสมองอักเสบที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อ กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน เครียด เรื้อนกวาง ปวดข้อ ไข้ละอองฟาง ซึมเศร้า ตะคริว ความดันโลหิตสูง อ่อนเพลีย อาการทางผิวหนัง นอนไม่หลับ

วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2551

กระตุกต่อม ตา ^^

วันนี้ฝนตก รีบกลับมาบ้านเพราะยังมีงานรออยู่อีกเพียบเลย (รวมถึงวิชานี้ด้วย) กลับถึงบ้านกินข้าวเสร็จ รีบต่อ internet อัพบล็อกทันที พอนั่งหน้าจอ เอาล่ะสิ!! ดันคิดไม่ออกว่าจะพิมพ์อะไรดี นั่งคิดก้อแล้ว นอนคิดก้อแล้ว สุดท้ายก้อยังคิดอะไรไม่ออก copy ก้อไม่ได้อีก คิดๆ มาเกือบ ชม. ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ระหว่างที่กำลังนั่งคิดอยู่นั้น ทันใดนั้นเอง สิ่งที่ไม่คาดคิดก้อเกิดขึ้น... ตาขวากระตุกครับ นึกในใจ ขวาร้าย ซ้ายดี โอ้วม่าย ทำไมไม่เป็นตาซ้าย คิดงานก้อยังคิดไม่ออก อาจารย์ก้อจะเช็คงานวันนี้แล้วด้วย กรรมของตู ดันซวย ตาขวามากระตุกซะอีก ขวาร้าย ขวาร้าย แย่แร้ว ทันใดนั้น เหตุการณ์ไม่คาดฝันก้อเกิดซ้ำขึ้นอีก อีกแล้วครับท่าน ตาขวากระตุกรอบสอง เหมือนมันเห็นคนกำลังทุกข์ แล้วมันมาซ้ำเติม ทีนี้เครียดหนักเลย จะพิมพ์อะไรดี เวลาก้อดำเนินผ่านไป นั่งหน้าคอมฯ มาจะร่วม 2 ชม. ไม่มีอะไรคืบหน้า ในระหว่างนั้นเอง เหตุการณ์ที่ผมไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเกิด ในที่สุด!! ในที่สุด!!! มันก้อเกิดขึ้น... ใช่แล้วครับ !! ใช่แล้ว... ผมคิดออกแล้วครับว่าจะพิมพ์อะไรดี 555 (กำลังคิดว่าอะไรเอ่ย) พอดีนึกขึ้นได้ว่า เคยไปอ่านเจออยู่ที่ไหนก้อไม่รู้ สักแห่ง จำไม่ได้แล้วแล้วครับ นึกขึ้นได้แลยเอามาเล่าสู่กันฟัง เค้าบอกว่า ที่โบราณกล่าวไว้ว่า ตาขวากระตุกจะเกิดเรื่องร้าย แต่ถ้าตาซ้ายกระตุก จะเกิดเรื่องดี จริงๆ แล้วนักวิทยาศาสตร์ เค้าก้อได้มีการศึกษาเรื่องนี้ขึ้นมาเหมือนกัน พบว่าอันที่จริง ที่ตากระตุกนั้นไม่เกี่ยวกับขวาร้าย รึซ้ายดี อะไรนั่นเลย นักวิทยาศาสตร์ พบว่า ที่จริงแล้วเกิดจากการที่ร่างกายเราพักผ่อนไม่เพียงพอ ใช้สายตามากเกินไป จนทำให้กล้ามเนื้อของเราเกิดอาการล้า จนกระทั่ง เกิดอาการ กล้ามเนื้อกระตุกขึ้น ซึ่งอาการนี้ บางทีก้อจะกระตุกด้านซ้ายบ้าง บางครั้งก้อย้ายมาขวา อันนี้ไม่มีใครรู้ได้ ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับ ขวาร้าย ซ้ายดีเลย แต่ที่แน่ๆ ไม่ว่าจะกระตุกข้างซ้าย รึข้างขวา ผมว่าไม่มีทางดีแน่นอน เพราะนั่นเป็นสัญญาณบ่งบอก ที่ร่างกายเตือนเราแล้วว่า ร่างกายคุณตอนนี้กำลังพักผ่อนไม่เพียงพอนะ ซึ่งอาการตากระตุกนั้น บางคนพอได้หลับ พักผ่อน พอตื่นมาก้อจะหาย แต่สำหรับบางคน ถึงแม้จะผ่านไป 2-3 วันก้อยังไม่หาย บ้าง เป็นอาทิตย์กว่าจะหายกระตุกได้ ซึ่งตรงนี้แพทย์ หรือ นักวิทยาศาสตร์เอง ก้อยังคงไม่สามารถระบุได้ว่าเพราะอะไร... พอพิมพ์มาถึงตรงนี้ ว่าแล้วมันก้อกลับมาอีกแล้วครับ ทีนี้เหมือนมันจะตามพวกมาด้วย มาช่วยกันกระตุก ทีนี้กระตุก จึ๊กๆๆ เลย แสดงว่า นี่ร่างกายผมมันกำลังเตือนแล้วสิเนี่ย!! ว่าแล้วผมคงต้องขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะครับ เจอกันโอกาสหน้า เมื่อวนมาถึงครา ที่ผมต้องอัพบล็อกนะครับ... สวัสดี

วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2551

iphone shortage

iPhone is a revolutionary new mobile phone that allows you to make a call by simply tapping a name or number in your address book, a favorites list, or a call log. It also automatically syncs all your contacts from a Windows PC, Mac, or Internet service. And it lets you select and listen to voicemail messages in whatever order you want — just like email.

iPhone is available in an 8GB model for $399 and a new 16GB model for $499 but in US now the stocks are shortage because of a high demand of US people as well as the foreigner who buy back to their country.

iphone shortage

iPhone is a revolutionary new mobile phone that allows you to make a call by simply tapping a name or number in your address book, a favorites list, or a call log. It also automatically syncs all your contacts from a Windows PC, Mac, or Internet service. And it lets you select and listen to voicemail messages in whatever order you want — just like email.

iPhone is available in an 8GB model for $399 and a new 16GB model for $499 but in US now the stocks are shortage because of a high demand of US people as well as the foreigner who buy back to their country.

Euro 2008

Hi, everyone. I am Nitidate.First of all, I would like to say congratulation to Thai football fans. This is because the most exciting football competition just has begun recently. That is Euro 2008. Thai football fans have to lack of their sleep again in order to watch and support your favorite team.Although, the popular team of Thai people as England didn’t join this year.But, there are still many great teams in this Euro such as Germany, Italy, Portugal and France. So, in this space I would like to share you all about my unforgettable experience about Euro 2004 and I also want to tell you guys about how to watch football happily without football gambling

A couple year agos, I used to bet football gambling. I bet almost every match. I bet about 500-1000 baht per match. There is no problem for me because I afford to pay it. I didn’t pay attention when I studied in the class. I spent my time with football analysis. I did many stupid things.So, oneday, I did myself as middlemen to get my friend’s bet. This was the starting point of my terrible experience. My friend paid me very well in the first 2-3 months. He bet very high. It was about 10,000-20,000 baht per match.I lost my mind to believe him. As a result, he wanted to bet in higher amount of money.Finally, he lost me about 50,000.I tried my best to ask him about this amount of money but I got nothing back.So, I had no choice.I had to confess with my mom because I got no money to pay this debt myself. It was a very high debt. By the way, I had to be responsible for this debt because I acted like a middlemen. The bookmaker wanted to get their money directly from me. I was so sad about it. This was because my mom, she tried her best to find me 50,000 baht in order to pay back that debt. She was so worried that I probably was injured or hurt by these bad people. At that moment, I promised to myself that I won’t bet again and I will study harder and won’t let my mom down. I could feel about my mom’s love.After, my study was better and quit of football gambling permanently. For about my friend, he still owes me 10,000 and I still keep waiting for his payment about the rest.Therefore,my point is that nobody can be rich by football gambling.Normally,you will win at the first time you bet and then you will want to get more.So,you have to bet higher. Finally, you will get nothing left. Believe me. If you want the excitement from watching football match.I suggest you that you should bet with your friend with one meal or a cup of coffee instead of a big amount of money. This is because I strongly believe that gambling cannot be removed permanently in Thai society.So, I think that this is the best way to solve that problem.

In addition, your responsibilities are not watching football match only. You will have a lot of things to do such as working, study.So; you have to get some rest for sometimes. You don’t need to watch every match. You just pick up the interesting match only. You can read from football magazine, newspaper or listening the radio so that it can help you to decide whether you should watch this match or not.Also,you can sleep early and wake up to watch the second match. As a result, you will not feel too tired. The last thing is that drinking white tea can help you as well. This is because
White tea can boost up your energy.

Lastly, I hope you guys can enjoy with your favorite team without gambling and be healthy. Remember that gambling never make people rich!

วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2551

มาทำความเข้าใจเรื่องเกียร์กันดีกว่า

รถที่เราขับกันอยู่ทุกวันนี้โดยส่วนมากก็จะเป็นรถเกียร์ออโตเมติกสำหรับรถบ้าน (ยกเว้นรถกระบะและรถเพื่อการพาณิชย์ส่วนมากที่ยังใช้เกียร์ธรรมดา) แล้วคุณรู้ไหมว่าเกียร์ธรรมดานั้นทำให้เราได้รู้หลายๆอย่างเกี่ยวกับรถยนต์ งั้นเรามาเริ่มรู้จักเกียร์ธรรมดากันดีกว่า

ข้อแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดคือเกียร์ธรรมดา(ต้องเปลี่ยนเกียร์เองแน่นอน) แต่สิ่งที่เพิ่มเติมมาอีกก็คือคลัชครับ ก็คือแป้นที่สามเพิ่มถัดมาจากเบรคครับ วิธีใช้ กดคลัชก่อนเข้าเกียร์ครับ นี่คือสิ่งที่ทำให้คนเลือกขับเกียร์ออโตเมติกมากกว่าครับ เพราะว่าการกดคลัช(ด้วยเท้า) ทำให้คนขับรถรู้สึกเมื่อยขาแล้วก็ไม่สะดวกอื่นๆอีกมากมายเท่าที่คนขับจะบ่นได้ครับ

การที่เราต้องกดคลัชก็เพราะ เราต้องทำการแยกระหว่างเครื่องยนต์กับเพลาที่รับกำลังจากเกียร์ ถ้าเรากดคลัชเท่ากับว่าเราแยกเครื่องกับเพลาออกจากกันแล้วเราก็สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ตามใจชอบ ถ้าเราปล่อยคลัชเท่ากับว่าเราให้เครื่องยนต์กับเพลารับกำลังแตะเข้าหากันเพื่อส่งกำลังโดยผ่านเกียร์นี่แหละ

ข้อดีของเกียร์ธรรมดา ก็มีมากกว่าการทำให้น่องซ้ายคุณแข็งแรงครับ เมื่อเวลารถคุณเสีย เวลาจะลากรถโดยรถยก ก็สามารถทำได้โดยง่ายกว่าเกียร์ออโตเมติก เพียงแค่เหยียบคลัชเท่านั้น เครื่องยนต์คุณก็จะไม่มีทางเสียหายแน่ๆ มากไปกว่านั้น เกียร์ธรรมดาก็ให้ความสนุกในการขับมากกว่าเกียร์ออโตเมติกในทางไกล ก็เพราะว่าเกียร์ธรรมดาสามารถที่จะลากรอบตามที่คุณต้องการ แต่เกียร์ออโตเมติกจะมีการป้องกัน(ไม่ให้เครื่องเสียหาย) ก็จะทำให้อรรถรสในการขับของบางคนหายไป มาถึงเรื่องการดูแลรักษาเกียร์ธรรมดาก็มีค่าบำรุงรักษาที่ถูกกว่าและทนทานกว่าด้วย

แต่ที่แน่ๆในต่างประเทศเกียร์ธรรมดาถือว่าฮิตมากน่ะครับ เพื่อคนไทยอยากกลับสู่สามัญมั่ง อิอิ

วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2551

รู้... หรือไม่... ว่าทำไมจึงต้องมี ปีอธิกสุรทิน ??

โดยปกติแล้ว ในหนึ่งปีนั้น โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ใช้เวลา 365 วัน ซึ่งเป็นการคำนวณอย่างคร่าวๆแต่ความจริงแล้ว ในแต่ละวันโลกเราจะใช้เวลาหมุนรอบตัวเอง เป็นเวลามากกว่า 24 ชั่วโมง คือเพิ่มขึ้นวันละ 15 นาที

ดังนั้นในเวลา 1 ปี เมื่อเราคำนวณจริงๆ แล้ว จะเป็นเวลา 365 วันกับเศษหนึ่งส่วนสี่วัน เวลาหนึ่งส่วนสี่วันนี้ในทุกๆ สี่ปี มันจะรวมกันเป็น 1 วันพอดี ดังนั้นถ้าปีไหนก็ตามซึ่งเป็นปีที่เวลาเศษหนึ่งส่วนสี่วันรวมกันครบ 1 วัน พอดี เราเรียกปีนั้นว่า ปีอธิกสุรทิน ซึ่งเป็นปีที่มี 366 วัน วันที่เพิ่มขึ้น จะเอาไปไว้ในเดือนกุมภาพันธ์จึงทำให้เดือนกุมภาพันธ์มี 29 วัน (ปกติจะมี 28 วัน)

วันพุธที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2551

5 วิธีที่ทำให้สมองฟิต

คุณเคยมีอาการอย่างนี้บ้างมั้ย

จับจ่ายไม่ได้ เพราะลืมกระดาษโน๊ตจดรายการของที่ต้องซื้อไว้ที่บ้าน
พระเอกหนังเรื่องที่ดูเมื่อวานชื่ออะไรน้า
จอดรถไว้ชั้นไหนของห้างนะ

อย่า! อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าคุณเริ่มแก่ สมองเริ่มเสื่อมแล้ว
มีวิธีฟิตสมองอย่างง่ายๆ ที่คุณทำได้ในชีวิตประจำวันมาฝากกัน จากหนังสือ “สมองฟิต ความคิดปิ๊ง”
ก่อนฟิตสมอง คุณรู้มั้ยว่า
พฤติกรรมซ้ำๆ ทำให้สมองฝ่อในโลกที่เราคาดเดาเกือบทุกอย่างได้ล่วงหน้า กิจวัตรส่วนใหญ่เป็นพฤติกรรมจากจิตใต้สำนึกที่เรากระทำโดยใช้พลังจากสมองน้อยมาก ทำให้ไม่ค่อยมีการเชื่อมโยงระหว่างเซลล์ประสาทในสมองชั้นนอก สมองจึงไม่ค่อยได้ออกกำลัง
ถ้าคุณขับรถหรือนั่งรถไปทำงานโดยใช้เส้นทางเดิมทุกวัน สมองคุณก็จะใช้ประสาทส่วนเดิมทุกวันเช่นกัน การใช้ประสาทเฉพาะส่วนนั้นๆ เป็นประจำทำให้เซลล์ส่วนนั้นแข็งแรง แต่ขณะเดียวกันประสาทส่วนอื่นๆกลับอ่อนแอเพราะถูกละเลย ผลดีก็คือ คุณเริ่มช่ำชองกับเส้นทางจาก ก ไป ข แต่ผลเสียคือ สุขภาพสมอง เพราะสมองพลาดโอกาสที่จะได้รับการกระตุ้นด้วยทัศนียภาพใหม่ๆ กลิ่นใหม่ๆ หรือเสียงใหม่ๆ ซึ่งเป็นความแปลกและหลากหลายที่จะช่วยให้เซลล์ประสาทหลายส่วนได้มีกิจกรรมออกกำลัง
ถ้าสมองได้รับสิ่งใหม่ ส่วนของสมองชั้นนอกหลายส่วนจะมีกิจกรรมมากขึ้นและหลากหลายขึ้น และเกิดการเชื่อมโยงเซลล์ประสาทสมองส่วนต่างๆในรูปแบบใหม่ ส่งผลให้มีการหลั่งสาร นิวโรโทรฟินส์ หรืออาหารสมองมากขึ้น เซลล์สมองจึงแข็งแรงขึ้น

5 วิธีฟิตสมองในตอนเช้า

1. หลับตาอาบน้ำ เปิดก็อกน้ำ ปรับความแรงหรืออุณหภูมิของน้ำโดยใช้ประสาทสัมผัสและความรู้สึก (อย่าลืมฝึกวิธีปรับอุณหภูมิให้แม่นก่อนลงมือเพื่อป้องกันน้ำร้อนลวกตัว) หลับตาใช้มือสัมผัสหาอุปกรณ์อาบน้ำ จากนั้นจึงล้างหน้า อาบน้ำหรือโกนหนวด

2.เกมสลับมือ ขยับสมอง ฝึกใช้มือข้างที่คุณไม่ถนัดแปลงฟัน หมุนฝาหลอดยาสีฟันและป้ายยาสีฟันบนแปรง อาจใช้วิธีนี้กับกิจกรรมยามเช้าอื่นๆ ...การฝึกลักษณะนี้เป็นการกระตุ้นสมองส่วนที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน ให้เริ่มสั่งการเพื่อปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ที่สมองซีกนี้ไม่ค่อยมีส่วนร่วม มีการวิจัยพบว่าการฝึกเช่นนี้ส่งผลให้วงจรและเครือข่ายสมองในส่วนเยื่อหุ้มสมองคอร์แทกซ์ที่ทำหน้าที่ควบคุม และรับส่งคำสั่งจากมือ มีการขยายตัวอย่างมากและในอัตราที่รวดเร็ว หรืออาจลองทำสิ่งต่างๆด้วยมือข้างเดียว ก็ได้

3. อยู่ในโลกไร้เสียง ปิดหูด้วยการใส่หูฟังขณะรับประทานอาหารกับครอบครัวเพื่อสัมผัสโลกเงียบ...คนใกล้ตัวคงเคยบ่นว่าคุณฟังสิ่งที่เขาพูดเพียงครึ่งเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่มักเกิดขึ้นตอนยุ่งอยู่ ลองฝึกตัวเองด้วยวิธีนี้จะทำให้คุณบังคับตัวเองให้ใช้ตัวช่วยอื่นในการทำกิจกรรม เช่น รู้ว่าขนมปังปิ้งที่อยู่ในเครื่องปิ้งได้ที่แล้วโดยไม่ต้องพึ่งเสียง

4. เช้าวันธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ลองเลือกกิจกรรมต่อไปนี้หนึ่งหรือสองข้อ แต่ไม่ควรทำหมดทุกข้อในเช้าวันเดียวกัน
• สลับลำดับกิจวัตรตอนเช้า เช่น ถ้าคุณเคยแต่งตัวก่อนกินข้าว ลองเปลี่ยนมากินข้าวก่อนแต่งตัว
• ถ้าคุณเคยรับประทานกาแฟกับขนมปังทุกเช้า ลองเป็นข้าวโอ๊ตและชาสุขภาพ หรืออาหารอื่นบ้าง
• เปลี่ยนเสียงนาฬิกาปลุก เปลี่ยนรายการวิทยุ หรือทีวีไปเป็นรายการที่คุณไม่เคยฟัง รายการเด็กเป็นตัวอย่างที่ดีในการกระตุ้นสมองให้สนใจในเรื่องที่คุณเคยมองข้าม
• เปลี่ยนเส้นทางที่จะเดินทางไปทำงาน
จากการศึกษาภาพถ่ายของสมอง กิจกรรมใหม่ๆจะกระตุ้นเซลล์ประสาทที่กินพื้นที่สมองชั้นนอกในบริเวณกว้าง วิธีเติมกิจกรรมใหม่นี้จะให้ผลลดลงเมื่อกิจกรรมนั้นกลายเป็นสิ่งที่ทำเป็นกิจวัตรหรือเป็นอัตโนมัติ เนื่องจากสมองต้องใช้พลังในการทำสิ่งใหม่ๆ มากกว่าต่อนทำกิจกรรมที่ทำจนชินแล้ว

5. เซ็กซ์ สุดยอดกิจกรรมออกกำลังสมอง ความตื่นเต้นระทึกใจจากกิจกรรมแปลกใหม่ เป็นหัวใจหลักของการเร้าอารมณ์รักโดยเฉพาะในคู่สมรสที่แต่งงานมานาน เพราะช่วยให้คู่รักพบกับความท้าทายและตื่นเต้นจากประสบการณ์ทางเพศแบบใหม่ ใช้จินตนาการและดึงอารมณ์ความรู้สึกทุกส่วนออกมาปรับใช้ เช่น สวมชุดนอนผ้าไหมที่ให้ความรู้สึกสัมผัสที่เรียบลื่น โรยกลีบกุหลาบหอมกรุ่นบนเตียง นวดสัมผัสกันและกันด้วยน้ำมันหอมระเหย หรือสร้างบรรยากาศด้วยเสียงเพลงโรแมนติค
เซ็กซ์ที่ดีนับเป็นการออกกำลังสมองที่ดี ฟังดูอาจเป็นการสรรเสริญเยินยอกิจกรรมบนเตียง แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ได้เป็นการกล่าวเกินจริง เพราะในกิจกรรมร่วมรักมีการใช้ประสาทสัมผัสทุกอย่างที่ก่อให้เกิดการกระตุ้นในวงจรสมองทุกส่วนรวมทั้งวงจรที่รับรู้เรื่องอารม

วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ใครว่าวีดีโอเกม มันช่างเลวร้ายไปเสียทั้งหมด!! ไม่เชื่อต้องลบหลู่ (อย่างสุภาพและมีเหตุผล)

ไม่ขอเกริ่นให้เสียเวลา เข้าเรื่องเลยละกัน...
พ่อแม่หลายคนมักดุด่าลูก "เลิกเล่นเกมได้แล้ว เดี๋ยวสายตาก็เสียหมด" ผู้ใหญ่เวลาดุเด็กด้วยความเป็นห่วงนี่ ส่วนใหญ่จะมีท่าทางมั่นใจมากมากว่าตัวเองพูดถูก "วีดีโอเกมทำให้สายตาเสียแน่นอน อย่ามาเถียง" เอาเข้าจริงเชื่อหรือไม่คับว่า แม้แต่ในแวดวงวิทยาศาสตร์เอง บรรดานักวิจัยทั้งหลายยังตกลงไม่ได้เลย ว่าตกลงเล่นเกมเยอะๆนั้น ทำให้สายตาสั้นจริงรึป่าว?? เท่าที่ผมอ่านมา ส่วนใหญ่เค้าจะเน้นถึง ผลกระทบของการเพ่งมองอะไรใกล้ๆ เป็นระยะเวลานานๆ มากกว่านะ เช่น การอ่านนี่ตัวดีเลย ส่วนการดูทีวีหรือการเล่นวีดีโอเกม ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่
งานวิจัยอันนึงของอเมริกามีการเก็บข้อมูลการใช้ชีวิตของเด็ก ม.2 จำนวน 366 คน พบว่า พวกเด็กที่สายตาสั้น จะใช้เวลาในการอ่านหนังสือเรียน บวกกับหนังสืออ่านเล่นมากกว่าเด็กทั่วไปประมาณ 4 ชม.ในแต่ละอาทิตย์ ในขณะที่ ถ้าวัดกันตามจริงแล้ว เวลาเล่นเกมหรือดูทีวี เด็กสายตาปกติ กับสายตาสั้นไม่ได้มีอะไรต่างกันเลย ดังนั้น การท่องหนังสือนี่แหล่ะเป็นปัจจัยที่ร้ายแรงต่อสายตาที่สุด ยิ่งถ้าไปดูตัวเลขสถิติ ของประเทศสิงคโปร์ ประมาณ 70% ของนักศึกษามหาวิทยาลัย เป็นเด็กสายตาสั้นทั้งนั้น ถ้าเป็นคณะแพทย์ มีเด็กสายตาสั้นมากถึง 90% !!
สิ่งที่น่าตื่นเต้น มีผลการวิจัยบ่งบอกว่า วีดีโอเกมบางประเภท สามารถทำให้ผู้เล่นสายตาดีขึ้นได้ !! ดีในที่นี้ไม่ได้เกี่ยวกับสั้นไม่สั้นนะคับ แต่หมายถึงความสามารถในการประมวลภาพของสมอง ซึ่งพบว่า ผู้ที่ชอบเล่นเกมแนว 1st Shooting เช่น Counter Strike หรือ Doom เป็นประจำ จะสามารถทำแบบทดสอบที่ให้แยกแยะภาพยากๆ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำกว่าคนปกติทั่วไป พูดง่ายๆก้อคือ การเล่นเกมช่วยเทรนสมองให้มองเห็นและแยกแยะวัตถุต่างๆได้ไวขึ้นและ ละเอียดขึ้น
สิ่งที่เด็ดยิ่งขึ้นไปอีก คืองานวิจัยล่าสุด พบว่าในบรรดา ศัลยแพทย์ที่ผ่าตัด เทคนิคการสอดกล้องเล็กๆเข้าไป แล้วบังคับใบมีดด้วยคันโยกโดยดูผ่านกล้องมอนิเตอร์(Laparoscopic Surgery) หมอที่เล่นวีดีโอเกมเป็นประจำจะมีทักษะการผ่าตัดที่เหนือชั้นกว่าหมอปกติทั่วไป ถ้าเป็นพวกเซียนเกม เมื่อทดสอบด้วยการผ่าตัดจำลอง เทียบกับหมอที่ไม่เคยเล่นเกมแล้ว พบว่า มีการทำผิดพลาดน้อยกว่าถึง 47% แต่ผ่าตัดได้รวดเร็วกว่า 39% ดังนั้นหากคุณไปโรงพยาบาลแล้วพบหมอกำลังนั่งเล่นเกมอยู่หน้าห้องผ่าตัดก้ออย่าได้แปลกใจไป เพราะถือว่าเป็นการ วอร์มอัพมือ และสายตาได้เป็นอย่างดีเลยแหล่ะ...

นี่เป็นแค่บางตัวอย่างที่เรายกมาอ้างอิงว่า วีดีโอเกมจริงๆแล้ว มันไม่ได้เลวร้ายไปเสียทั้งหมดหรอก... จิงๆนะ

วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2551

กิจกรรมยามว่าง...บอกนิสัย

เมื่อใดที่มีเวลาว่างมากๆ คนเราก็มักจะหากิจกรรมทำไปเรื่อยๆ เพื่อเป็นการฆ่าเวลาที่เหลืออยู่ให้เกิดประโยชน์ และกิจกรรมที่คุณเลือกทำนอกจากจะเป็นประโยชน์ให้กับคุณแล้วนั้น มันก็ยังสามารถบ่งบอกนิสัยให้กับตัวคุณได้อีกเช่นกัน

-สะสมสิ่งต่างๆ หากคุณชอบสะสมสิ่งต่างๆ คุณเป็นคนที่มีความรอบรู้ในเรื่องหลากหลาย ชอบพบปะสังสรรค์ เข้ากับคนอื่นได้ดี เป็นผู้ที่ให้คำแนะนำได้อย่างน่าฟัง รู้จักทำให้ตัวเองมีความสุข และมีไหวพริบปฏิภาณที่ยอดเยี่ยม

-ถ่ายรูป คุณเป็นคนที่เข้าใจยาก อารมณ์เปลี่ยนแปลง น้ำขึ้นน้ำลง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ไม่มีใครเดาใจถูกว่าวันนี้คุณอยู่ในอารมณ์ใด แต่เป็นคนที่มีจิตใจดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น มีใจคอเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ใส่ใจคนรอบข้าง

-วาดรูป คุณเป็นคนที่จริงจัง ไม่ค่อยสนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร ถือว่าตัวเองทำดีที่สุดก็พอแล้ว จิตใจค่อนข้างอ่อนไหวคล้อยตามคนอื่นได้ เป็นคนช่างฝัน มีอารมณ์ค่อนข้างฉุนเฉียว เวลาไม่ถูกใจอะไรอาจถึงขั้นปาข้าวของทีเดียว

-ดูหนัง คนที่ชอบดูหนังเป็นกิจวัตรประจำวันในยามว่างเป็นคนที่มีความสุขกับตัวเอง ไม่พึ่งพาอาศัยคนอื่นมากนัก มีสติปัญญาดี มีความคิดสร้างสรรค์ เป็นคนที่จริงใจ ชอบช่วยเหลือตัวเองในยามเดือดร้อน ค่อนข้างขี้เหงา

-ออกแบบ คุณเป็นคนที่มีการวางแผนดีในชีวิต รู้ว่าตัวเองสามารถทำอะไรได้ ไม่ทำอะไรเกินตัว พอใจในสิ่งที่ตนเองมี รับฟังความเห็นผู้อื่น ไม่เอาแต่ใจตัวเองนัก เป็นคนที่ทำสิ่งต่างๆ ด้วยการพิจารณาอย่างรอบคอบ

-เล่นกีฬา คนที่ชอบเล่นกีฬาในยามว่างเป็นคนที่กระฉับกระเฉง ใจคอสดใสร่าเริง เข้ากับคนอื่นได้อย่างดี มองโลกในแง่ดี ไม่ทำให้ตนเองและคนอื่นเดือดร้อน มีความรับผิดชอบ และกล้าคิดกล้าตัดสินใจ มีการจัดการที่ดีในการทำสิ่งต่างๆ จึงทำให้ไม่ค่อยพลาดในการทำสิ่งใดๆ

-สนใจเรื่องเทคโนโลยีและไอที เป็นคนที่มีน้ำใจกับผู้อื่น ไม่ชอบยกตนข่มท่าน มีความรู้ก็ไม่โอ้อวดให้ใครฟัง มักแสวงหาสิ่งใหม่ๆ และเพิ่มพูนความรู้ให้กับตนเองอยู่เสมอ ไม่ชอบเป็นคนตกข่าว เป็นคนร่าเริง เข้ากับคนอื่นได้ง่าย

-เดินทาง เป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองสูง ทำอะไรด้วยความมั่นใจ ชอบอยู่เงียบๆ ไม่ชอบจะวุ่นวายกับคนอื่นมากนัก เก็บความรู้สึก ไม่ค่อยชอบบอกความในใจกับใคร มีการวางตัวที่ดี เป็นที่พึ่งของผู้อื่นได้ในยามที่เดือดร้อน

-อ่านหนังสือ เป็นคนค่อนข้างมีโลกส่วนตัว ช่างฝัน มีจิตใจอ่อนโยน จริงใจต่อผู้อื่น เป็นที่พึ่งให้ผู้อื่นได้เป็นอย่างดี ชอบเอาความทุกข์ของผู้อื่นเป็นความทุกข์ของตนเอง ไม่ค่อยเชื่อมั่นในตนเองนัก และค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเองในบางครั้ง

-สนใจเรื่องวิทยาศาสตร์ เป็นคนที่ทำสิ่งต่างๆ ด้วยความรอบคอบ มีความรับผิดชอบที่ดี รักความยุติธรรม เข้าใจชีวิตและความเป็นไปของโลก และสามารถรับมือกับปัญหาต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

-ดนตรีและศิลปะ มีความเพ้อฝันที่คนอื่นเข้าใจได้ไม่ง่ายนัก เพราะทุกสิ่งมีความสวยงามในตัวเองอยู่เสมอ มีจินตนาการที่ยิ่งใหญ่ ใส่ใจกับสิ่งรอบตัว ค่อนข้างช่างสังเกตและชอบให้คนที่อยู่ใกล้มีความสุข เป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง บางครั้งไม่ชอบวุ่นวายกับใคร ชอบนั่งอยู่เงียบๆ คนเดียว






วันพุธที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

ช่วงเวลาที่มีความสุข

เค้าว่ากันว่า...... ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของคนเราคือ....
1. การตกหลุมรักใครสักคน
2. การได้จูบครั้งแรก
3. การได้หัวเราะจนท้องแข็ง
4. การได้นั่งอ่านจดหมายเก่าในวันว่าง
5. การได้ใช้เวลาว่างในที่ๆ แสนงดงาม
6. การได้ฟังเพลงที่ชอบทางวิทยุ
7. การได้นอนฟังเสียงฝนตก
8. เมื่อเวลาที่เราอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ แล้วเจอผ้าเช็ดตัวอุ่น
9. การสอบเสร็จ
10. การได้รับโทรศัพท์จากใครสักคนที่ไม่ได้พบเจอเขาบ่อยน ัก
11. การเจอเงินที่เราซ่อนไว้ตั้งนานมาแล้ว
12. การได้ยิ้มกับใครสักคน
13. การได้คุยโทรศัพท์ได้เป็นชั่วโมงกับคนรัก
14. การยิ้มโดยไม่ต้องมีเหตุผล
15. การถูกชมอย่างกะทันหัน
16. การตื่นขึ้นมาแล้วตระหนักได้ว่ามันน่าจะนอนต่อได้อีก ตั้งชั่วโมงแน่ะ
17. การได้ฟังเพลงที่ทำให้เรานึกถึงคนพิเศษของเรา
18. การได้เป็นส่วนหนึ่งของทีม
19. การมีเพื่อนใหม่
20. การรู้สึกเหมือนผีเสื้อบินว่อนอยู่ในท้องคุณเวลาคุณเ จอหน้าเค้าคนนั้น
21. การผ่านช่วงเวลานึงไปได้พร้อมกับเพื่อนที่ดีที่สุดขอ งคุณ
22. การได้เห็นคนที่คุณชอบมีความสุข
23. การได้ใส่เสื้อของคนที่เราชอบทั้งๆ ที่กลิ่นหอมของเค้ายังกรุ่นอยู่
24. การได้เจอเพื่อนเก่าอีกครั้งแล้วรู้สึกเหมือนไม่มีอะ ไรเปลี่ยนไปเลย
25. การได้มองท้องฟ้ายามโพล้เพล้
26. การได้ยินใครสักคนบอกรักคุณ และ...ที่สุดก็คือ… การที่เราได้รู้ว่าเราเป็นที่รักของคนที่เรารัก
Powered By Blogger