วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

5 วิธีในการฟิตสมอง

5 วิธีทำให้สมองฟิต ความคิดสุดแจ่ม

เพื่อนๆเคยมีอาการอย่างนี้บ้างมั้ย ครับจับจ่ายไม่ได้ เพราะลืมกระดาษโน๊ตจดรายการของที่ต้องซื้อไว้ที่บ้าน พระเอกหนังเรื่องที่ดูเมื่อวานชื่ออะไรน้า จอดรถไว้ชั้นไหนของห้างนะ

อย่า! อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าคุณเริ่มแก่หรือ สมองเริ่มเสื่อมแล้ว

วันนี้ผมมีวิธีฟิตสมองอย่างง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้ในชีวิตประจำวันมาฝากกันครับ

ก่อนอื่นเลยเพื่อนๆรู้มั้ยว่า พฤติกรรมซ้ำๆ ทำให้สมองฝ่อ ในโลกที่เราคาดเดาเกือบทุกอย่างได้ล่วงหน้า กิจวัตรส่วนใหญ่เป็นพฤติกรรมจากจิตใต้สำนึกที่เรากระทำโดยใช้พลังจากสมองน้อยมาก ทำให้ไม่ค่อยมีการเชื่อมโยงระหว่างเซลล์ประสาทในสมองชั้นนอก สมองจึงไม่ค่อยได้ออกกำลัง ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณขับรถหรือนั่งรถไปทำงานโดยใช้เส้นทางเดิมทุกวัน สมองคุณก็จะใช้ประสาทส่วนเดิมทุกวันเช่นกัน การใช้ประสาทเฉพาะส่วนนั้นๆ เป็นประจำทำให้เซลล์ส่วนนั้นแข็งแรง แต่ขณะเดียวกันประสาทส่วนอื่นๆกลับอ่อนแอเพราะถูกละเลย ผลดีก็คือ คุณเริ่มช่ำชองกับเส้นทางจาก ก ไป ข แต่ผลเสียคือ สุขภาพสมอง เพราะสมองพลาดโอกาสที่จะได้รับการกระตุ้นด้วยทัศนียภาพใหม่ๆ กลิ่นใหม่ๆ หรือเสียงใหม่ๆ ซึ่งเป็นความแปลกและหลากหลายที่จะช่วยให้เซลล์ประสาทหลายส่วนได้มีกิจกรรมออกกำลัง ดังนั้น ถ้าสมองได้รับสิ่งใหม่ ส่วนของสมองชั้นนอกหลายส่วนจะมีกิจกรรมมากขึ้นและหลากหลายขึ้น และเกิดการเชื่อมโยงเซลล์ประสาทสมองส่วนต่างๆในรูปแบบใหม่ ส่งผลให้มีการหลั่งสาร นิวโรโทรฟินส์ หรืออาหารสมองมากขึ้น เซลล์สมองจึงแข็งแรงขึ้น

5 วิธีฟิตสมองในตอนเช้า

1. หลับตาอาบน้ำ เปิดก็อกน้ำ ปรับความแรงหรืออุณหภูมิของน้ำโดยใช้ประสาทสัมผัสและความรู้สึก (อย่าลืมฝึกวิธีปรับอุณหภูมิให้แม่นก่อนลงมือเพื่อป้องกันน้ำร้อนลวกตัว) หลับตาใช้มือสัมผัสหาอุปกรณ์อาบน้ำ จากนั้นจึงล้างหน้า อาบน้ำหรือโกนหนวด

2.เกมสลับมือ ขยับสมอง ฝึกใช้มือข้างที่คุณไม่ถนัดแปลงฟัน หมุนฝาหลอดยาสีฟันและป้ายยาสีฟันบนแปรง อาจใช้วิธีนี้กับกิจกรรมยามเช้าอื่นๆ ...การฝึกลักษณะนี้เป็นการกระตุ้นสมองส่วนที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน ให้เริ่มสั่งการเพื่อปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ ที่สมองซีกนี้ไม่ค่อยมีส่วนร่วม มีการวิจัยพบว่าการฝึกเช่นนี้ส่งผลให้วงจรและเครือข่ายสมองในส่วนเยื่อหุ้มสมองคอร์แทกซ์ที่ทำหน้าที่ควบคุม และรับส่งคำสั่งจากมือ มีการขยายตัวอย่างมากและในอัตราที่รวดเร็ว หรืออาจลองทำสิ่งต่างๆด้วยมือข้างเดียว ก็ได้

3. อยู่ในโลกไร้เสียง ปิดหูด้วยการใส่หูฟังขณะรับประทานอาหารกับครอบครัวเพื่อสัมผัสโลกเงียบ...คนใกล้ตัวคงเคยบ่นว่าคุณฟังสิ่งที่เขาพูดเพียงครึ่งเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่มักเกิดขึ้นตอนยุ่งอยู่ ลองฝึกตัวเองด้วยวิธีนี้จะทำให้คุณบังคับตัวเองให้ใช้ตัวช่วยอื่นในการทำกิจกรรม เช่น รู้ว่าขนมปังปิ้งที่อยู่ในเครื่องปิ้งได้ที่แล้วโดยไม่ต้องพึ่งเสียง

4. เช้าวันธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ลองเลือกกิจกรรมต่อไปนี้หนึ่งหรือสองข้อ แต่ไม่ควรทำหมดทุกข้อในเช้าวันเดียวกัน• สลับลำดับกิจวัตรตอนเช้า เช่น ถ้าคุณเคยแต่งตัวก่อนกินข้าว ลองเปลี่ยนมากินข้าวก่อนแต่งตัว• ถ้าคุณเคยรับประทานกาแฟกับขนมปังทุกเช้า ลองเป็นข้าวโอ๊ตและชาสุขภาพ หรืออาหารอื่นบ้าง• เปลี่ยนเสียงนาฬิกาปลุก เปลี่ยนรายการวิทยุ หรือทีวีไปเป็นรายการที่คุณไม่เคยฟัง รายการเด็กเป็นตัวอย่างที่ดีในการกระตุ้นสมองให้สนใจในเรื่องที่คุณเคยมองข้าม• เปลี่ยนเส้นทางที่จะเดินทางไปทำงาน
จากการศึกษาภาพถ่ายของสมอง กิจกรรมใหม่ๆจะกระตุ้นเซลล์ประสาทที่กินพื้นที่สมองชั้นนอกในบริเวณกว้าง วิธีเติมกิจกรรมใหม่นี้จะให้ผลลดลงเมื่อกิจกรรมนั้นกลายเป็นสิ่งที่ทำเป็นกิจวัตรหรือเป็นอัตโนมัติ เนื่องจากสมองต้องใช้พลังในการทำสิ่งใหม่ๆ มากกว่าต่อนทำกิจกรรมที่ทำจนชินแล้ว

5. เซ็กซ์ สุดยอดกิจกรรมออกกำลังสมอง ความตื่นเต้นระทึกใจจากกิจกรรมแปลกใหม่ เป็นหัวใจหลักของการเร้าอารมณ์รักโดยเฉพาะในคู่สมรสที่แต่งงานมานาน เพราะช่วยให้คู่รักพบกับความท้าทายและตื่นเต้นจากประสบการณ์ทางเพศแบบใหม่ ใช้จินตนาการและดึงอารมณ์ความรู้สึกทุกส่วนออกมาปรับใช้ เช่น สวมชุดนอนผ้าไหมที่ให้ความรู้สึกสัมผัสที่เรียบลื่น โรยกลีบกุหลาบหอมกรุ่นบนเตียง นวดสัมผัสกันและกันด้วยน้ำมันหอมระเหย หรือสร้างบรรยากาศด้วยเสียงเพลงโรแมนติก
เซ็กซ์ที่ดีนับเป็นการออกกำลังสมองที่ดี ฟังดูอาจเป็นการสรรเสริญเยินยอกิจกรรมบนเตียง แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ได้เป็นการกล่าวเกินจริง เพราะในกิจกรรมร่วมรักมีการใช้ประสาทสัมผัสทุกอย่างที่ก่อให้เกิดการกระตุ้นในวงจรสมองทุกส่วนรวมทั้งวงจรที่รับรู้เรื่องอารมณ์

(อันนี้สำคัญมากนะครับ)

มาออกกำลังกายกันเถอะ

การเริ่มต้นออกกำลังกาย
หลายท่านไม่เคยออกกำลังมาก่อนเมื่อเริ่มออกกำลังอาจจะทำให้เหนื่อยง่ายวิธีดีที่สุดของการเริ่มต้นออกกำลังกายคือให้เริ่มออกกำลังกายจากกิจวัตรประจำวัน เช่น

  • ใช้การเดินหรือขี่จักรยานเมื่อไปที่ไม่ไกล
  • หยุดใช้รถหนึ่งวันแล้วใช้การเดินไปทำงานสำหรับผู้ที่บ้านและที่ทำงานไม่ไกล
  • ใช้บันไดแทนการขึ้นลิฟต์หรือบันไดเลื่อน
  • ขี่จักรยานรอบหมู่บ้าน
  • ทำงานบ้าน เช่นทำสวน ล้างรถ ถูบ้าน

ทำกิจวัตรเหล่านั้นทุกวันเป็นเวลา 2-3 เดือน หลังจากเพิ่มกิจกรรมได้พักหนึ่งจึงเริ่มต้นเพิ่มการออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น เช่น

  • เดินให้เร็วขึ้นสลับกับเดินช้า
  • ขี่จักรยานนานขึ้น
  • ขึ้นบันไดหลายชั้นขึ้น
  • ขุดดิน ทำสวนนานขึ้น
  • ว่ายน้ำ
  • ต้น aerobic แต่ไม่ต้องมาก
  • เต้นรำ
  • เล่นกีฬา เช่น แบดมินตัน เทนนิส ปิงปอง

เทคนิคของการออกกำลังกายเป็นประจำ

  • จะต้องตระหนักว่าการออกกำลังกายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตซึ่งจะขาดไม่ได้เหมือนการนอนหลับ หรือการรับประทานอาหาร
  • เลือกการออกกำลังกายที่ชอบที่สุด และสะดวกที่สุด
  • ครอบครัวอาจจะมีส่วนร่วมด้วยก็จะดี
  • ช่วงแรกๆของการออกกำลังกายไม่ควรจะหยุด ให้ออกจนเป็นนิสัย
  • บันทึกการออกกกำลังกายไว้
  • หาเป็นไปได้ควรจะมีกลุ่มเพื่อออกกำลังกายร่วมกันเพราะกลุ่มจะช่วยกันประคับประคอง
  • ตั้งเป้าหมายการออกกำลังและการรับประทานทุกเดือนโดยอย่าตั้งเป้าหมายสูงเกินไป
  • ติดตามความก้าวหน้าโดยดูจากสมุดบันทึก
  • ให้รังวัลเมื่อสามารถบรรลุเป้าหมาย(ห้ามการเลี้ยงอาหาร)
  • ที่สำคัญการออกกำลังแม้เพียงเล็กน้อยดีกว่าการไม่ออกกำลังกาย

วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ปัจจุบันปัญหาบ้านเมืองเป็นปัญหาใหญ่ที่ควรรีบแก้ไขโดยด้วนที่สุด !!

จากมุมมอองของประชาชนทั่วไป จะเห็นได้ว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
เป็นกลุ่มคนกลุ่มเล็กเล็กที่ต้องการโค้นล้มรัฐบาล และ พยายามจะก่อความวุ่นวายอยู่เสมอ
อย่างที่คนส่วนใหญ่ได้รับฟังข่าวจากสื่อทั่วทั่วไป อย่างเช่น เด็กนักเรียนที่เรียนอยู่ใกล้
เวทีพันธมิตรไม่สามารถเรียนหนังสือได้เนื่องจากเสียงรบกวนจากเวทีปราศรัย

แต่ผมอยากให้ทุกท่านได้มอง ว่าสิ่งที่เค้าออกมาพูดอยู่ทุกทุกวันนั้นเค้าทำเพื่ออะไร เพื่อใคร

ปัจจุบันสื่อต่างต่างที่ประชาชนทั่วไปได้รับนั้น จะเป็นการบิดเบือนความจริง ไม่ก็ให้ข้อมูลนิดนิดหน่อยหน่อย
ไม่สามารถสร้างความเข้าใจกับประชาชนได้

ดังนั้นพวกเราทุกทุกคนที่รักประเทศ ควรให้กำลังใจ และ สนับสนุนกลุ่มพันธมิตร
ไม่เช่นนั้นอีกไม่นานประเทศชาติจะตกเป็นของกลุ่มนักการเมืองที่หวังจะหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง
ดั่งเช่นที่เราได้สูญเสียเขาพระวิหารให้เขมร เพื่อที่ใครบางคนจะได้ผลประโยชน์จากแหล่งก๊าชธรรมชาติ
และเกาะกง

วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ประเทศไทย ใครทำพัง??

ปัจจุบันเทคโนโลยีเปลี่ยนไป จิตใจคนก้อเปลี่ยนแปลง ต่างคนต่างคิดถึงแต่ตนเอง เหมือนอย่างโฆษณาชิ้นนึง ผมคาดว่าทุกคนคงได้ดูกันแล้ว อยากบอกว่าชอบมากครับ คนคิดโฆษณาชิ้นนี้นั้น เรียกได้ว่า เอาความจริงมาตีแผ่กันเรยที่เดียว โฆษณาชิ้นนี้เป็นของกองทัพบก ในโครงการคุณธรรมนำไทย ซึงผมดูกี่ที กี่ที ก็สะท้อนใจดีคับ เห็นภาพเลย ว่าสังคมไทยในปัจจุบันเป็นเช่นไรกัน ต่างคนต่างนิ่งดูดาย สนใจแต่ตนเอง คนไม่กี่คนที่พยายามทำดี ก็พยายามไปใครจะเห็น (จะเห็นได้ไงครับ ดันไปอยู่หลังรถบัส) 555 เมื่อคนที่พยายามอยู่ท้ายที่สุดหมดแรงลง แล้วใครล่ะที่เดือดร้อน ถ้าเราเทียบรถบัสคันนั้นเป็นประเทศไทยเรา เราคนไทยก็อยู่บนผืนแผ่นดินไทย ถ้าประเทศไทยพังลง ใครกันที่เดือนร้อน เฉกเช่นเดียวกันครับ พวกเราเองนั่นแหล่ะ ที่ไม่เคยดูดำดูดีอะไรเลย แม้กระทั่งเกิดปัญหาขึ้น ต่างคนต่างยังไม่รู้สึกสำนึก เอาแต่ตื่นอกตกใจ โทษกันไป โทษกันมา สวดภาวนาอ้อนวอน แล้วใครล่ะจะมาช่วยเรา ถ้าแม้แต่เรายังไม่คิดที่จะช่วยตนเอง ถ้าทุกคนพร้อมใจกัน หันมาช่วยเหลือกันแต่แรก คงจะไม่เกิดปัญหาเช่นเดียวกับรถบัสคันนั้นอย่างแน่นอน ครั้งพอเห็นเทวดา ก็คงคิดกันว่าเทวดามาโปรด แต่แล้วในความเป็นจริง ก็เป็นเพียงความฝันลมๆ แล้งๆ ที่ไม่มีใครจะมาเป็นเทวดามาโปรดได้จริง ถ้าท้ายที่สุดทุกคนยังไม่ตื่นตัวกัน ไม่ลงมาช่วยกันเข็นรถกันตั้งแต่ตอนนี้ รึจะรอให้รถคันที่พวกเรากำลังนั่งอยู่นี้ไหล ลงเขาไปเหมือนอย่างในโฆษณาครับ อยากให้ทุกคนคิดสักนิด โฆษณาชิ้นนี้จะเป็นแรงผลักดันให้เราอย่างดี ทำความดีไม่ต้องรอเวลา ทำได้ทันที ทำได้เดี๋ยวนี้ ถ้าทุกคนทำได้ ผมเชื่อว่า รถคันที่พวกเราร่วมนั่งกันมา จะต้องสามารถฟันฝ่าอุปสรรค ผ่านพ้นเนินนี้ไปได้อย่างแน่นอน...
Powered By Blogger