วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2551

Pattaya City เมืองที่เคยหลับ



เมื่อพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวในวันหยุดเทศกาลหรือพักร้อน อันดับต้นๆหรืออาจจะเป็นอับดับแรกเลยก็ว่าได้คงหนีไม่พ้นทะเล ซึ่งก็มีหลายที่ในประเทศไทยให้นักท่องเที่ยวได้ไปพักผ่อนคลายเครียด ปลดปล่อยอารมณ์ไปกับคลื่นและสายลมไม่ว่าจะเป็นภูเก็ต,กระบี่ เป็นต้น แต่สำหรับข้าพเจ้าแล้วข้าพเจ้าจะคิดถึงสถานที่ที่ใกล้ๆกรุงเทพ นั่นก็คือ พัทยา ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหล คุณเห็นด้วยกับคำกล่าวนี้หรือไม่

พัทยาเป็นเขตปกครองพิเศษที่ปกครองตนเอง ผ่านการดูแลจากนายกเมืองพัทยาซึ่งได้จากการเลือกตั้งจากคนพัทยาเอง โดยพัทยาเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี การเดินทางจากกรุงเทพไปพัทยาก็ทำได้หลายทางตั้งแต่ขับรถไปเอง จนกระทั่งแบกเป้ขึ้นรถทัวร์อย่างข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าว่ามันให้อารมณ์ของการผจญภัยแถมประหยัดอีกด้วย ยิ่งในช่วงนี้น้ำมันราคาแพงมาก เมื่อคุณถึงเมืองพัทยาแล้วหากอยากเที่ยวแบบคล่องตัวและสัมผัสให้ถึงเมืองพัทยาจริงๆแล้วละก็ ข้าพเจ้าของแนะนำให้เช่ารถมอเตอร์ไซด์ที่เมืองพัทยานั่นเลย โดยค่าเช่าสำหรับคนไทยก็สงวนราคาอยู่ที่ 200-400 บาทแล้วแต่ร้านที่ไปเช่า ซึ่งร้านประจำของข้าพเจ้าจะอยู่ที่พัทยาสาย2 ซอย 10 เจ้าของชื่อลุงหมานคิดราคาคนไทยอยู่ที่ 200 บาทมัดจำไว้ 1,000 บาทเมื่อนำมาคืนก็ได้เงินคืน จากนั้นคุณก็ขับยานพาหนะดังกล่าวไปเที่ยวชมเมืองพัทยาได้ตั้งแต่เช้าโดยข้าพเจ้าแนะนำให้ไปขึ้นเรือเพื่อข้ามไปเล่นน้ำทะเลที่เกาะล้านก่อนตั้งแต่เช้าเพราะแดดจะได้ไม่ร้อนมาก ซึ่งก็ประมาณ 6.30- 7.30น.น่าจะไปให้ถึงท่าเรือและควรขึ้นเรือของชาวประมงที่จะรับพวกพ่อค้าแม่ค้าไปยังเกาะล้านเพราะค่าเรืออยู่ที่ 20 บาทเท่านั้น ซึ่งหากไปขึ้นเรือสำหรับนักท่องเที่ยวจะต้องเสียประมาณ 400-600 บาทแถมยังกำหนดเวลากลับให้ด้วยไม่อิสระเหมือนกับเราไปเองเพราะเรือชาวประมงออกทุก 30 นาที รอบสุดท้ายที่ออกจากเกาะน่าจะประมาณ 18.00 น.โดยส่วนใหญ่เรือจะไปจอดที่หาดตาแวงซึ่งเป็นหาดที่มีคนมากทั้งไทยและเทศ เพราะใกล้ท่าเรือและมีร้านอาหารเยอะแต่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีน ส่วนฝรั่งเขามักจะไปหาดที่สงบกว่านี้ซึ่งคนแถวนั้นเขาบอกข้าพเจ้ามาเพราะข้าพเจ้าเห็นว่ามีฝรั่งน้อย คุณสามารถเล่นน้ำได้ตามสบายจนคุณพอใจแต่น่าจะกลับไปยังพัทยาประมาณบ่ายโมงเพราะจะได้ไปเที่ยวที่อื่นอีก พอถึงพัทยาคุณน่าจะขับรถไปยังปราสาทสัจธรรมเพื่อเยี่ยมชมความงามของสถาปัตยกรรม จากนั้นก็ไปต่อที่ฟาร์มจระเข้ซึ่งที่นั้นมีการตกเบ็ดจระเข้ด้วยซี่โครงไก่สดผูกไว้ที่ปลายไม้ไผ่ยาว โดยนักท่องเที่ยวจะหย่อนลงไปที่บึงจระเข้ด้านล่างบางคนก็แกล้งไม่ให้มันกินได้ง่ายซึ่งทุกครั้งที่มันกินจะมีเสียงงับที่ดังน่าขนลุกว่าหากเปลี่ยนจากซี่โครงไก่เป็นคนจะเป็นอย่างไรซึ่งกิจกรรมนี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากชาวต่างชาติโดยเฉพาะฝรั่งเพราะราคาอยู่ที่ 50 บาทต่อหนึ่งไม้ทำให้ชาวไทยอย่างเราไม่กล้าให้เพราะซื้อข้าวกินเองได้เลย โดยเราจะเป็นผู้ยืนดูให้กำลังใจจระเข้งับเหยื่ออยู่ข้างๆ พอออกจากฟาร์มจระเข้คุณอาจจะไปชมความงามของบ้านสุขาวดีซึ่งเจ้าก็เป็นคนเดียวกับเจ้าของ ซี.พี. แถมมีสารพัดอาหารไก่ให้ได้เสียเงินกันด้วย บ้านสุขาวดีจะเน้นไปที่การสร้างตามหลักฮวงจุ้ยเพราะหน้าบ้านติดถนนใหญ่เลย ในบ้านมีน้ำพุเต็มไปหมด อีกทั้งยังมีเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่อยู่ที่ดาดฟ้า ยังไม่พอด้านหลังเป็นวิวทะเลด้วยซึ่งปกติต้องเสียค่าผ่านประตูแต่ข้าพเจ้าไม่ได้ถามมาว่าเท่าไรเพราะตอนที่ข้าพเจ้าไปเขาเปิดให้เข้าฟรีเพื่อร่วมลงนามไว้อาลัยต่อสมเด็จพระพี่นางฯ เมื่อเยี่ยมชมความงามทั่วแล้วซึ่งก็น่าจะประมาณห้าหกโมงเย็นแล้วข้าพเจ้าของแนะนำให้ท่านไปที่สวนสนุกพัทยาปาร์คเพื่อสร้างความสนุกปนความเสียวเพราะที่นั่นจะมีเครื่องเล่นที่ท้าทายความสูงอยู่นั่นก็คือ Tower Shot ที่จะลากเราขึ้นไปยังที่สูงซึ่งสามารถมองเห็นวิวพัทยาได้หากท่านกล้าลืมตามองจากนั้นมันจะปล่อยทันลงเหมือนตกตึกเลยก็ว่าได้แต่ปลอดภัยไม่น่าเป็นหวง แต่ความเสียวมีเต็มร้อยแน่นอน เมื่อเสร็จสิ้นจากการย้อนเวลาไปวัยเด็กแล้วท่านก็ควรกลับไปที่พักเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และหาอาหารรับประทาน เพราะเราจะไปตะลุยราตรีกันต่อ เริ่มจากการไปดูโชว์สาวประเภทสองซึ่งมีให้เลือก 2 ที่คือ อะคาซ่า และทิฟฟานี่ หรือท่านจะไปดูมายากลที่ปราสาทเวทมนต์ก็ได้โดยทั้งหมดนี้อยู่ที่พัทยาสายสอง เป็นถนนที่อยู่หลังหาด เมื่อดูเสร็จแล้วอย่าลืมถ่ายรูปกับเหล่านักแสดงไว้เป็นที่ระลึกแต่ไม่ฟรีนะรูปละ 20 บาทถ้าใช้กล้องของเราแต่ถ้าเขาถ่ายให้ก็ 100 บาทได้กลับไปบ้านเลย จากนั้นเราก็น่าจะไปเดินดูของขายที่ถนนริมหาดเพราะจะมีของแปลกๆให้ท่านได้ดูหรืออมยิ้มได้แต่บอกไว้ก่อนว่าเด็กๆไม่ควรดูเพราะเขาเอาไว้ขายฝรั่งที่มาเที่ยวที่พัทยา แต่ที่ข้าพเจ้าสนใจคือเสื้อที่สกรีนว่า Good guy go to heaven Bad guy go to Pattaya เพราะดูเหมือนฝรั่งจะชอบที่จะเป็น Bad guy เนื่องจากขายดีทีเดียว ซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่าหนึ่งประโยคนั้นสะท้อนให้เห็นอะไรหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นลักษณะสังคมในพัทยา,การดำเนินชีวิต รวมไปถึงทัศนคติของทั้งคนพัทยาและนักท่องเที่ยวที่ส่อไปในทางลบ แต่นั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจทราบได้ว่าแท้จริงแล้วชาวพัทยาอยากให้เป็นและยอมรับต่อคำกล่าวนั้นจริงหรือ เอาเป็นว่าไปเที่ยวกันต่อที่ถนนคนเดินหรือ Walking Street โดยข้างทางจะเป็นร้านอาหารทะเลและผับ บาร์ A go go เต็มไปหมดแค่เดินเฉยๆก็เหนื่อยได้แล้วเพราะตามทางจะมีแสดงโชว์ขอเงินมากมายไม่ว่าจะเป็นเด็กเดาะบอล,มายากล รวมไปถึงแสดงเป็นหุ่นก็มี แต่หากท่านอยากจะเข้าไปฟังเพลง เต้นรำก็เลือกร้านได้ตามใจชอบร้านน่าจะปิดประมาณตี 3 จากนั้นท่านก็กลับไปพักผ่อนหรือหากหิวก็แวะทานอะไรก่อนเข้าห้องพักก็ได้เพราะมีอาหารขายตลอดอยู่แล้ว

จะเห็นได้ว่าพัทยาเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับเลยจริงๆ อย่างน้อยก็ในความคิดของข้าพเจ้าเพราะท่านสามารถทำกิจกรรมได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำโดยมีสถานที่ให้ท่านได้ไปเยี่ยมชมตลอด ซึ่งจุดนี้อาจเป็นจุดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกให้มารวมกันอยู่ที่พัทยาก็มาได้ แต่ทุกอย่างก็ควรระมัดระวังตัวเองด้วยไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตามในโลกย่อมมีอันตรายแอบแฝงในที่นั้นๆ และถึงแม้พัทยาจะมีชื่อเสียที่ไม่ดีในบ้างเรื่องแต่เราก็คงยากที่จะปฏิเสธว่าพัทยาเป็นอีกเมืองที่ทำรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างมหาศาลให้กับประเทศไทย ดังนั้นข้าพเจ้าคิดว่ารัฐบาลน่าจะเข้าไปให้ความดูแลและแก้ไขในสิ่งที่เป็นจุดด้อยเพื่อเพิ่มเสน่ห์ที่ดีงาม พร้อมทั้งฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไปให้กับเมืองพัทยาเมืองแห่งความครื้นเคลงของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

ไม่มีความคิดเห็น:

Powered By Blogger