วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ตลาดรถในอนาคต

ในขณะนี้ราคานำมันพุ่งขึ้นสูงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะดีเซลที่พุ่งสูงเกินเบนซิลซะล่ะ (ตามความเป็นจริงดีเซลต้องถูกกว่าเบนซิลน่ะครับ)

ในความคิดของคนส่วนมาก ถ้าเรามีรถที่ไม่ต้องใช้นำมันได้ก็ดีสิครับ บางคนก็ฝันครับ ความฝันทำให้เกิดความจริงได้ครับ อย่างเช่นรถไฟฟ้า รถพลังงานทางเลือก หรืออื่นๆอีกมากมายเท่าที่มนุษย์จะสามารถจินตนการหรือฝันไปได้ แต่ถ้าเรามามองโลกแห่งความเป็นจริง ก็มีแต่รถ city car หรือรถ eco car ที่พอจะเป็นที่เพิ่งพาในโลกแห่งความเป็นจริงได้

งั้นเรามามองโลกแห่งความเป็นจริงในอนาคตดีกว่าไหมครับ ภายในปีนี้หรืออย่างช้าก็ปีหน้าค่ายโตโยต้า พี่บิ๊กของวงการรถยนต์เมืองไทยได้ประกาศว่า จะมี Altis ที่ติดตั้ง NGV ออกมาจากโรงงานเลย ข้อดีคือโตโยต้ารับผิดชอบครับ เพราะถ้าคุณเอาไปติดเองเหมือนพี่ๆ taxi เวลารถเกิดอะไรขึ้นมาบริษัทรถเค้าไม่รับผิดชอบน่ะเออ ส่วนอีกความหวังสำหรับคนมีเงินเพิ่มขึ้นมาอีกก็จะเป็น Camry hybrid ซึ่ง hybrid นี้ก็คือรถนอกเหนือจะมีเครื่องยนต์ที่ใช้นำมันตัวรถยังมีมอเตอร์ไฟฟ้าที่กำเนิดพลังงานอีกด้วย ซึ่งการที่ใช้ระบบร่วมนี้ทำให้รถระดับ medium sedan รุ่น Camry ซึ่งปกติจะกินนำมันประมาณ 8-12 กิโลเมตรต่อลิตร สามารถจะกินนำมันน้อยลงไปได้ประมาณ 20++ กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งเท่ากับว่าตัวรถสามารถทำให้นำมัน 1 ลิตรวิ่งได้ไกลขึ้นเพราะว่าตัวรถมีแบตเตอรี่ช่วยด้วยไงครับ

สำหรับราคาค่าตัวของ Altis NGV ตัวบริษัทโตโยต้าเองเล็งไว้เป็นทางเลือกของสหกรณ์ taxi หรือคนขับ taxi ทั่วไปเพราะการที่ต้องต่อคิวนานในการเติม NGV พลักดันให้พวกพี่ๆ taxi ไปติด LPG กันหมดแล้วครับ (แก๊ส LPG นี่คือแก๊สที่เราเอามาทำกับข้าวกันน่ะครับ เท่ากับว่าพี่ taxi ไปแย่งพ่อค้าแม่ค้าน่ะครับ) ถ้าตัวรถที่ติด NGV ออกมาจากโรงงานก็จะสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ในระดับหนึ่งซึ่งราคาคงไม่สูงมาก แต่ว่าคุณภาพรถก็จะประมาณรุ่น Limo คือเป็น taxi ครับผม ส่วน Camry hybird นั้นไม่ต้องสงสัยเลยครับว่าราคาต้องพุ่งมากกว่า ล้านเจ็ดแสนแน่นอนครับ(รุ่น 2.4 มี Navigator) แต่ว่าผู้บริหารของโตโยต้ามาให้ข่าวดักหน้าว่าราคาจะไม่เกิน 2 ล้านแน่นอนครับ แสดงว่าเจ้า Camry 3.5 นั้นราคาสุดโต่งจากภาษีครับผม

ถ้าคนที่จะรอรถพลังงานทางเลือกก็รอเถอะครับ สำหรับคนที่ชอบ city car นั้นผมบอกได้ว่า ประมาณช่วงกันยายนนี้ Honda city ตัวใหม่ก็จะออกแล้วน่ะครับรูปร่างก็คล้ายๆ Civic ย่อส่วนครับผม แล้วปีหน้าหรืออีกประมาณ 2 ปีข้างหน้า Mazda 2 สุดสวยก็จะออกมาแย่ง market share ของตลาดรถ sub-compact แน่นอนครับ

วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2551

Pattaya City เมืองที่เคยหลับ



เมื่อพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวในวันหยุดเทศกาลหรือพักร้อน อันดับต้นๆหรืออาจจะเป็นอับดับแรกเลยก็ว่าได้คงหนีไม่พ้นทะเล ซึ่งก็มีหลายที่ในประเทศไทยให้นักท่องเที่ยวได้ไปพักผ่อนคลายเครียด ปลดปล่อยอารมณ์ไปกับคลื่นและสายลมไม่ว่าจะเป็นภูเก็ต,กระบี่ เป็นต้น แต่สำหรับข้าพเจ้าแล้วข้าพเจ้าจะคิดถึงสถานที่ที่ใกล้ๆกรุงเทพ นั่นก็คือ พัทยา ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหล คุณเห็นด้วยกับคำกล่าวนี้หรือไม่

พัทยาเป็นเขตปกครองพิเศษที่ปกครองตนเอง ผ่านการดูแลจากนายกเมืองพัทยาซึ่งได้จากการเลือกตั้งจากคนพัทยาเอง โดยพัทยาเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี การเดินทางจากกรุงเทพไปพัทยาก็ทำได้หลายทางตั้งแต่ขับรถไปเอง จนกระทั่งแบกเป้ขึ้นรถทัวร์อย่างข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าว่ามันให้อารมณ์ของการผจญภัยแถมประหยัดอีกด้วย ยิ่งในช่วงนี้น้ำมันราคาแพงมาก เมื่อคุณถึงเมืองพัทยาแล้วหากอยากเที่ยวแบบคล่องตัวและสัมผัสให้ถึงเมืองพัทยาจริงๆแล้วละก็ ข้าพเจ้าของแนะนำให้เช่ารถมอเตอร์ไซด์ที่เมืองพัทยานั่นเลย โดยค่าเช่าสำหรับคนไทยก็สงวนราคาอยู่ที่ 200-400 บาทแล้วแต่ร้านที่ไปเช่า ซึ่งร้านประจำของข้าพเจ้าจะอยู่ที่พัทยาสาย2 ซอย 10 เจ้าของชื่อลุงหมานคิดราคาคนไทยอยู่ที่ 200 บาทมัดจำไว้ 1,000 บาทเมื่อนำมาคืนก็ได้เงินคืน จากนั้นคุณก็ขับยานพาหนะดังกล่าวไปเที่ยวชมเมืองพัทยาได้ตั้งแต่เช้าโดยข้าพเจ้าแนะนำให้ไปขึ้นเรือเพื่อข้ามไปเล่นน้ำทะเลที่เกาะล้านก่อนตั้งแต่เช้าเพราะแดดจะได้ไม่ร้อนมาก ซึ่งก็ประมาณ 6.30- 7.30น.น่าจะไปให้ถึงท่าเรือและควรขึ้นเรือของชาวประมงที่จะรับพวกพ่อค้าแม่ค้าไปยังเกาะล้านเพราะค่าเรืออยู่ที่ 20 บาทเท่านั้น ซึ่งหากไปขึ้นเรือสำหรับนักท่องเที่ยวจะต้องเสียประมาณ 400-600 บาทแถมยังกำหนดเวลากลับให้ด้วยไม่อิสระเหมือนกับเราไปเองเพราะเรือชาวประมงออกทุก 30 นาที รอบสุดท้ายที่ออกจากเกาะน่าจะประมาณ 18.00 น.โดยส่วนใหญ่เรือจะไปจอดที่หาดตาแวงซึ่งเป็นหาดที่มีคนมากทั้งไทยและเทศ เพราะใกล้ท่าเรือและมีร้านอาหารเยอะแต่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีน ส่วนฝรั่งเขามักจะไปหาดที่สงบกว่านี้ซึ่งคนแถวนั้นเขาบอกข้าพเจ้ามาเพราะข้าพเจ้าเห็นว่ามีฝรั่งน้อย คุณสามารถเล่นน้ำได้ตามสบายจนคุณพอใจแต่น่าจะกลับไปยังพัทยาประมาณบ่ายโมงเพราะจะได้ไปเที่ยวที่อื่นอีก พอถึงพัทยาคุณน่าจะขับรถไปยังปราสาทสัจธรรมเพื่อเยี่ยมชมความงามของสถาปัตยกรรม จากนั้นก็ไปต่อที่ฟาร์มจระเข้ซึ่งที่นั้นมีการตกเบ็ดจระเข้ด้วยซี่โครงไก่สดผูกไว้ที่ปลายไม้ไผ่ยาว โดยนักท่องเที่ยวจะหย่อนลงไปที่บึงจระเข้ด้านล่างบางคนก็แกล้งไม่ให้มันกินได้ง่ายซึ่งทุกครั้งที่มันกินจะมีเสียงงับที่ดังน่าขนลุกว่าหากเปลี่ยนจากซี่โครงไก่เป็นคนจะเป็นอย่างไรซึ่งกิจกรรมนี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากชาวต่างชาติโดยเฉพาะฝรั่งเพราะราคาอยู่ที่ 50 บาทต่อหนึ่งไม้ทำให้ชาวไทยอย่างเราไม่กล้าให้เพราะซื้อข้าวกินเองได้เลย โดยเราจะเป็นผู้ยืนดูให้กำลังใจจระเข้งับเหยื่ออยู่ข้างๆ พอออกจากฟาร์มจระเข้คุณอาจจะไปชมความงามของบ้านสุขาวดีซึ่งเจ้าก็เป็นคนเดียวกับเจ้าของ ซี.พี. แถมมีสารพัดอาหารไก่ให้ได้เสียเงินกันด้วย บ้านสุขาวดีจะเน้นไปที่การสร้างตามหลักฮวงจุ้ยเพราะหน้าบ้านติดถนนใหญ่เลย ในบ้านมีน้ำพุเต็มไปหมด อีกทั้งยังมีเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่อยู่ที่ดาดฟ้า ยังไม่พอด้านหลังเป็นวิวทะเลด้วยซึ่งปกติต้องเสียค่าผ่านประตูแต่ข้าพเจ้าไม่ได้ถามมาว่าเท่าไรเพราะตอนที่ข้าพเจ้าไปเขาเปิดให้เข้าฟรีเพื่อร่วมลงนามไว้อาลัยต่อสมเด็จพระพี่นางฯ เมื่อเยี่ยมชมความงามทั่วแล้วซึ่งก็น่าจะประมาณห้าหกโมงเย็นแล้วข้าพเจ้าของแนะนำให้ท่านไปที่สวนสนุกพัทยาปาร์คเพื่อสร้างความสนุกปนความเสียวเพราะที่นั่นจะมีเครื่องเล่นที่ท้าทายความสูงอยู่นั่นก็คือ Tower Shot ที่จะลากเราขึ้นไปยังที่สูงซึ่งสามารถมองเห็นวิวพัทยาได้หากท่านกล้าลืมตามองจากนั้นมันจะปล่อยทันลงเหมือนตกตึกเลยก็ว่าได้แต่ปลอดภัยไม่น่าเป็นหวง แต่ความเสียวมีเต็มร้อยแน่นอน เมื่อเสร็จสิ้นจากการย้อนเวลาไปวัยเด็กแล้วท่านก็ควรกลับไปที่พักเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และหาอาหารรับประทาน เพราะเราจะไปตะลุยราตรีกันต่อ เริ่มจากการไปดูโชว์สาวประเภทสองซึ่งมีให้เลือก 2 ที่คือ อะคาซ่า และทิฟฟานี่ หรือท่านจะไปดูมายากลที่ปราสาทเวทมนต์ก็ได้โดยทั้งหมดนี้อยู่ที่พัทยาสายสอง เป็นถนนที่อยู่หลังหาด เมื่อดูเสร็จแล้วอย่าลืมถ่ายรูปกับเหล่านักแสดงไว้เป็นที่ระลึกแต่ไม่ฟรีนะรูปละ 20 บาทถ้าใช้กล้องของเราแต่ถ้าเขาถ่ายให้ก็ 100 บาทได้กลับไปบ้านเลย จากนั้นเราก็น่าจะไปเดินดูของขายที่ถนนริมหาดเพราะจะมีของแปลกๆให้ท่านได้ดูหรืออมยิ้มได้แต่บอกไว้ก่อนว่าเด็กๆไม่ควรดูเพราะเขาเอาไว้ขายฝรั่งที่มาเที่ยวที่พัทยา แต่ที่ข้าพเจ้าสนใจคือเสื้อที่สกรีนว่า Good guy go to heaven Bad guy go to Pattaya เพราะดูเหมือนฝรั่งจะชอบที่จะเป็น Bad guy เนื่องจากขายดีทีเดียว ซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่าหนึ่งประโยคนั้นสะท้อนให้เห็นอะไรหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นลักษณะสังคมในพัทยา,การดำเนินชีวิต รวมไปถึงทัศนคติของทั้งคนพัทยาและนักท่องเที่ยวที่ส่อไปในทางลบ แต่นั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจทราบได้ว่าแท้จริงแล้วชาวพัทยาอยากให้เป็นและยอมรับต่อคำกล่าวนั้นจริงหรือ เอาเป็นว่าไปเที่ยวกันต่อที่ถนนคนเดินหรือ Walking Street โดยข้างทางจะเป็นร้านอาหารทะเลและผับ บาร์ A go go เต็มไปหมดแค่เดินเฉยๆก็เหนื่อยได้แล้วเพราะตามทางจะมีแสดงโชว์ขอเงินมากมายไม่ว่าจะเป็นเด็กเดาะบอล,มายากล รวมไปถึงแสดงเป็นหุ่นก็มี แต่หากท่านอยากจะเข้าไปฟังเพลง เต้นรำก็เลือกร้านได้ตามใจชอบร้านน่าจะปิดประมาณตี 3 จากนั้นท่านก็กลับไปพักผ่อนหรือหากหิวก็แวะทานอะไรก่อนเข้าห้องพักก็ได้เพราะมีอาหารขายตลอดอยู่แล้ว

จะเห็นได้ว่าพัทยาเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับเลยจริงๆ อย่างน้อยก็ในความคิดของข้าพเจ้าเพราะท่านสามารถทำกิจกรรมได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำโดยมีสถานที่ให้ท่านได้ไปเยี่ยมชมตลอด ซึ่งจุดนี้อาจเป็นจุดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกให้มารวมกันอยู่ที่พัทยาก็มาได้ แต่ทุกอย่างก็ควรระมัดระวังตัวเองด้วยไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตามในโลกย่อมมีอันตรายแอบแฝงในที่นั้นๆ และถึงแม้พัทยาจะมีชื่อเสียที่ไม่ดีในบ้างเรื่องแต่เราก็คงยากที่จะปฏิเสธว่าพัทยาเป็นอีกเมืองที่ทำรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างมหาศาลให้กับประเทศไทย ดังนั้นข้าพเจ้าคิดว่ารัฐบาลน่าจะเข้าไปให้ความดูแลและแก้ไขในสิ่งที่เป็นจุดด้อยเพื่อเพิ่มเสน่ห์ที่ดีงาม พร้อมทั้งฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไปให้กับเมืองพัทยาเมืองแห่งความครื้นเคลงของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

โรควุ้นตาเสื่อม

โรควุ้นลูกตาเสื่อม (Vlireous degeneration) :: โรคทางคอมพิวเตอร์

เตือนคนที่ใช้คอมพิวเตอร์บ่อย ไม่ว่าจะใช้เล่นเกมส์ หรือใช้ว่าทำงานลองอ่านดูนะ แล้วก็ดูแลตัวเองด้วย ตอนนี้ในประเทศไทยมีคนเป็นโรค ' วุ้นในลูกตาเสื่อม ' ถึง 14 ล้านคนแล้วครับจากข้อมูลทางหนังสือพิมพ์?? นี่เฉพาะแค่ที่มีข้อมูลบันทึกไว้นะครับ คนที่ไม่รู้ตัวเองว่าตัวเองก็เป็นจะมากขนาดไหน


อาการก็คือ== > คุณจะเห็นเป็นคราบดำๆ เหมือนยักใย่ ลอยไปลอยมา เหมือนคราบที่ติดกระจกน่ะ จะเห็นชัดก็ต่อเมื่อ คุณมองไปยังภาพแบล็คกราวนด์ที่มีสีสว่าง เช่น ท้องฟ้าขาวๆ ฝาห้องขาวๆ ฝาห้องน้ำขาวๆ จะเห็นเป็นคราบดำๆ ลอยไปลอยมา ถ้าอาการมากกว่านั้นก้อคือ ประสาทตาฉีกขาด คุณจะมองเห็นแสงแฟลชในที่มืด ไม่ว่าหลับตาหรือลืมตา (น่ากลัวมากๆ) และถึงขั้นนี้จะต้องผ่าตัด (ซึ่งไม่มีอะไรรับประกันว่าจะดีเหมือนเดิม จะตาบอดหรือไม่ ?)

สาเหตุของโรคนี้คือ => การใช้สายตามากเกินไป ( เล่นคอม)

แต่ก่อนโรคนี้จะเกิดกับผู้สูงอายุ หรือ คนที่มีอาชีพใช้สายตามากๆ เช่น ช่างเจียรไนเพชรพลอย ที่ต้องใช้สายตาเพ่งมากๆ แต่เดี๋ยวนี้คนเป็นโรควุ้นในลูกตาเสื่อมกันมากเพราะ เล่นเนต หรือ เล่นคอม

คุณฟังไม่ผิดหรอก เดี๋ยวนี้คนเป็นโรคนี้กันมากเพราะเล่นคอมนี่แหละ ถามว่าทำไม คนเล่นเนต เล่นคอม ถึงเป็นกันมาก ? ไม่ว่าคุณจะเล่นเนต , เล่นเกมส์ , อ่านไดอารี่ , อ่านบทความ , อ่านหนังสือ หรืออะไรก็ตาม ที่อยู่บนจอคอมพิวเตอร์ ล้วนทำให้สายตาคุณเสียได้ทั้งสิ้น
เพราะว่า ถ้าคุณอ่านหนังสือที่เป็นแผ่นกระดาษธรรมดาๆ ระยะห่างระหว่าง ลูกตา กับ ตัวหนังสือ จะคงที่ แน่นอน เพราะขอบของตัวหนังสือจะคมชัด
ทำให้สมองกะระยะโฟกัสได้ถูกต้องแน่นอน กล้ามเนื้อและประสาทตา จึงทำงานค่อนข้างคงที่

แต่ ! ตัวหนังสือบนจอคอมพิวเตอร์นั้น มีลักษณะเป็นจุดๆ ประกอบกัน เหมือนแขวนลอยบนจอ ขอบของตัวหนังสือไม่ชัด สมองจะสับสนในการปรับระยะโฟกัส (เพราะจอแก้ว จะมีความหนาของแก้ว แต่เรามองผ่านมันไป และจอ LCD เราก้อต้องมองผ่านเข้าไปเหมือนกัน ตัวหนังสือมันไม่ได้ติดอยู่ด้านบนเหมือนอยู่บนแผ่นกระดาษ การปรับระยะโฟกัสจึงไม่แน่นอน )

บวกกับ ลักษณะการอ่านหน้าหนังสือในคอมนั้น จะต้องใช้เม้าส์จิ้ม ลากแถบด้านข้างจอ เพื่อเลื่อนบรรทัดหนังสือขึ้นลง เพื่อจะอ่านบรรทัดด้านล่างได้ หรือไม่ก็ใช้ลูกหมุนที่อยู่บนเม้าส์ หมุนเพื่อเลื่อนบรรทัดหนังสือ แต่การเลื่อนบรรทัดนี้ มันไม่เหมือนกับการอ่านหนังสือจากแผ่นกระดาษที่แขนกับคอ จะปรับการมองขึ้นลงโดยอัตโนมัติ มีระยะที่แน่นอน สัมพันธ์กัน

แต่ว่าการเลื่อนบรรทัดด้วยแถบด้านข้างหรือลูกกลิ้งบนเม้าส์นั้น มันจะมีลักษณะการเลื่อนแบบกระตุกๆ (คุณสังเกตุดู) มันจึงทำให้ปวดตามากๆ เพราะลูกตาจะต้องลากลูกตา เลื่อนตามบรรทัดที่กระตุกๆ นั้นไปตลอด บวกกับ การพิมพ์ตัวหนังสือนั้นบางที คุณต้องก้มเพื่อมองนิ้ว
ว่ากดตำแหน่งบนแป้มพิมพ์ถูกตัวอักษรหรือไม่ ทำให้เดี๋ยวก้ม เดี๋ยวเงย ลูกตาปรับโฟกัสบ่อยเกิน ทำให้ลูกตาทำงานหนัก กว่าจะพิมพ์งานเสร็จคุณจะปวดตามากๆๆ อย่างเด็กนักศึกษา เร่งพิมพ์รายงานส่งอาจารย์ ติดต่อกันข้ามคืน สองสามวัน ตาจะปวดมากๆ รวมทั้งเวลาการเปิดโปรแกรม
word ในการพิมพ์ตัวหนังสือมักจะมีสีพื้นที่เป็นสีสว่าง (ที่นิยมก็คือ ตัวหนังสือดำ พื้นสีขาว ) สีพื้นที่สว่างขาวจ้า นี่เอง ทำให้ตาคุณจะเกิดอาการแพ้แสง ถ้ามีการพิมพ์ติดต่อกันนานๆ เพราะจ้องจอสีขาวนานเกินไป หรือไม่ก็ ในคนที่ชอบเล่นเกมส์บ่อยๆ มักจะมีการปรับแสงสว่างให้จ้าที่สุด
เพราะเวลาเล่นเกมส์ ภาพพื้นหลังของเกมส์มักจะมืดๆ เป็นสีกำแพง เป็นสีปราสาท มันจะให้สีสวยสดดี

แต่การทำแบบนี้มีข้อเสียคือ บางทีคุณหรือพี่น้องของคุณมาใช้คอมเครื่องนั้นต่อ จะทำให้บางครั้งลืมปรับความสว่างกลับมาให้มืดเหมือนเดิม
จากที่แค่สว่างพอที่จะพิมพ์รายงาน กลายเป็นจ้องจอสว่างจ้าตลอดคืนไม่รู้ตัว สรุปก้อคือ

1. การมองตัวหนังสือที่แขวนลอยอยู่ในจอ โฟกัสไม่แน่นอน กล้ามเนื้อลูกตาทำงานหนัก "ทำให้สายตาเสีย"

2. การเลื่อนตัวหนังสือและแถบบรรทัด ในหน้าคอม หรือ หน้าเนต มันจะเลื่อนแบบเป็นกระตุกๆ ' ทำให้สายตาเสีย การกระตุกๆ ของแถบบรรทัดนี่เองที่ทำให้สายตาเสีย ถ้าคุณอ่านหนังสือจากเวปมากๆ คุณจะติดนิสัยเสียอย่างนึงติดตัวไปคือ คุณจะติดนิสัย มองอะไรก็ตาม ไม่ว่าใกล้ไกล จะปรับโฟกัสมองเพ่งอยู่เสมอ ผลก้อคือ กล้ามเนื้อตาทำงานหนัก คุณจะเริ่มมองของที่อยู่ไกลๆ เบลอๆ คุณจะไม่สามารถปรับโฟกัส มองของใกล้ แล้วมองไกล ได้ทันทีเหมือนเคย (กล้ามเนื้อประสาทลูกตาจะล้า การปรับโฟกัสลูกตาเริ่มช้าลง)

3. การก้มๆเงยๆ มองแป้นพิมพ์ และมองจอคอม กลับไปกลับมา ' ทำให้สายตาเสีย '

4. การปรับจอภาพที่มีแสงสว่างจ้า มากเกินไปโดยไม่รู้ตัว ' ทำให้สายตาเสีย ' ( ข้อนี้ คล้ายๆ กับ การเปิดดูทีวี ในห้องมืดๆ เป็นประจำ แล้วทำให้สายตาเสียน่ะเอง อย่างเดียวกัน)

5. การใช้จอคอม ที่มีความกว้างมากเกิน จอคอมกว้างๆ นั้น เหมาะสำหรับการดูภาพดูหนัง แต่ไม่เหมาะกับการดูตัวหนังสือ เพราะว่า สายตาคนเรานั้นมีระยะการมองตัวอักษรที่ 1 ฟุต ( 12 นิ้ว) แต่จอคอมสมัยใหม่ กลับมีความกว้าง 17 นิ้ว 19 นิ้ว หรือมากกว่านั้น ซึ่งมันกว้างเกินระยะกวาดสายตามอง จากขอบหนึ่งไปสู่อีกขอบหนึ่ง ( ทำให้ปวดทั้งคอ ทั้งลูกตา) แค่คุณนั่งอ่านหนังสือบนจอกว้างแบบนี้หนึ่งชั่วโมง ลูกตาคุณจะทำงานปรับโฟกัส กลับไปกลับมาเป็นพันๆ ครั้ง และถ้าเป็นปี หรือ หลายปี ติดต่อกัน สายตาคุณเสียแน่นอน เพราะฉะนั้น ถ้าคุณจะอ่านหนังสือจากจอคอม
ขนาดของจอคอมของคุณควรไม่เกิน 15 นิ้ว

ถามกลับไปว่า ทำไม กระดาษเอกสารที่ใช้ในการอ่าน การเขียนทั่วไป จึงมีขนาด A4 ? (คำตอบ ก็คือ ความกว้างของกระดาษ A4 ไม่กว้างเกินไป กำลังพอดี ในการกวาดสายตามอง ยังไงล่ะ)

และเป็นคำตอบเดียวกับที่ว่า ทำไมขนาดของจอคอมคุณที่จะเอามาอ่านหนังสือ ไม่ควรเกิน 15 นิ้ว นั่นเอง

ส่วนมากคนทั่วไป มักจะคิดไม่ถึงว่า การเล่นคอมทุกวัน ง่ายๆ นั้น จะเป็นสาเหตุให­่ที่สามารถทำให้ตาบอดได้ ถ้าเกิดรุนแรง เพราะกว่าจะรู้ตัวไปหาหมอ หมอก็อาจจะบอกว่าคุณไม่สามารถรักษาหายได้แล้ว และต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเท่านั้น!!! ผมจึงอยากจะฝากประโยคเอาไว้ให้คนที่เล่นคอมทุกคนว่า คอมพิวเตอร์นั้น มีไว้สำหรับการค้นหามูล ไม่ได้มีไว้สำหรับการอ่านเป็นประจำ โดยเฉพาะการอ่าน อะไรก็ตามที่ยาวๆ เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นไดอารี่ หนังสือบนเนต คุณเสี่ยงทั้งนั้น

เพราะฉะนั้น เราควรจะกลับมาอ่านหนังสือกระดาษกันเหมือนเดิม ลืมเรื่องเล่นเนต เล่นคอมซะ เพื่อสุขภาพตา ...............

เพิ่ม......................................
ปกติที่เห็นใยแมงมุมดำๆ (เรียกว่า Floaters) เป็นผลจากการเสื่อมสลายของวุ้นในลูกตาจนเกิดเป็นตะกอนข้างใน ไม่ได้เป็นอันตราย เมื่อเวลาผ่านไปตะกอนจะค่อยๆ ลอยออกจากลานสายตาไปอยู่บริเวณขอบๆ มากขึ้นจนเราจะไม่สังเกตเห็นมันไปเอง
แต่คนที่เริ่มมีอาการเห็นแสงกระพริบ (Flashing) นั้นน่าสงสัยว่าอาจมีจอประสาทตาลอก (Retinal detachment) หรือวุ้นลูกตาลอก (Posterior vitreous detachment)

คนที่เพิ่งจะเริ่มสังเกตเห็นอาการนี้เป็นครั้งแรก แนะนำให้ไปพบจักษุแพทย์ เพื่อตรวจดูว่าเริ่มมีจอประสาทตาลอก/วุ้นลูกตาลอกแล้วหรือยัง ถ้าแพทย์บอกว่ายังไม่มี เป็นแค่วุ้นลูกตาเสื่อมธรรมดา ก็สบายใจได้ แต่ไม่ใช่สบายจนลืมระวังตัวนะ ต้องคอยสังเกตตัวเองด้วยว่าถ้าเห็น Flashing กับ Floater ปริมาณมากกว่าเดิมแบบเฉียบพลัน ควรกลับไปพบแพทย์อีกครั้ง

ในคนปกติจะมีการเสื่อมสลายของวุ้นลูกตาอย่างช้าๆ อยู่ตลอดเวลาครับ แต่จะมีอาการเร็วหรือช้าก็ขึ้นกับปัจจัยเสี่ยงของแต่ละคนอีก
- คนที่มีสายตาสั้นมากๆ
- เคยมีประวัติกระทบกระเทือนลูกตาอย่างรุนแรง
- เคยมีการอักเสบหรือติดเชื้อภายในลูกตา
- เคยได้รับการผ่าตัดต้อกระจก
- คนที่มีวุ้นลูกตาลอกหรือจอประสาทตาลอกมาแล้วข้างหนึ่ง
- คนที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรควุ้นลูกตาเสื่อมหรือจอประสาทตาลอก
คนเหล่านี้ก็จะมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดการเสื่อมสลายของวุ้นลูกตาได้เร็วกว่าคนทั่วไป

การป้องกัน
จากที่ได้อ่านที่ดอสโพสไว้ การใช้สายตาให้น้อยลงก็อาจเป็นหนทางหนึ่งที่ป้องกันการเกิดได้นะ แต่ว่าในบทความของต่างประเทศส่วนใหญ่จะไม่ได้กล่าวถึงส่วนนี้
การป้องกันที่ดีที่สุดคือ การรู้จักอาการของโรค และระวังตัวเองอยู่เสมอ เมื่อเริ่มสังเกตเห็น Flashing หรือ Floaters ก็ควรพบจักษุแพทย์ทันทีเพื่อตรวจให้แน่ใจว่าไม่มีจอประสาทตาหรือวุ้นลูกตาลอกเกิดขึ้น เป็นการป้องกันไม่ให้โรคดำเนินไปถึงจุดที่อันตรายนั่นเอง


วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2551

หัวหิน

ถ้าคุณมีเวลาว่าง แล้วไม่รู้จะไปเทียวไหน................

ผมขอแนะนำ หัวหิน

หัวหิน อยู่ไม่ไกล จากกรุงเทพมาก ระยะทางประมาณ 200 กม. หรือใช้เวลาประมาณ 2 ชม. โดยใช้รถยนตร์ส่วนตัว เราใช้เส้นทาง จาก เส้น พระราม 2 ตรงไป 100 กม. แล้ว เลี้ยวเข้า เพชรบุรี ตามป้าย แล้วตามป้าย ชะอำ-หัวหิน แป๊ปเดียวก็ถึง ปัจจุบัน ถนนหนทางได้ขยายและมีคุณาพที่ดี

หัวหิน เป็นสถานที่ ที่ สวย สงบ และมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น

หัวหินมี โรงแรง ที่พักมากมาย ทั้งที่มีราคาถูกจนถึงแพงมากมาก มีร้านอาหารอร่อยอร่อย และบรรยากาศที่ดี

วันนี้ผมขอแนะนำโรงแรมที่มีราคากลางกลาง แต่สวยมาก

โรงแรมนี้ ชื่อว่า seahorse เป็น boutique hotel โรงแรมนี้หาไม่ยาก อยู่ตรงทางขึ้นเขาตะเกียบ ราคาประมาร 3000 บาท โดยรวม โรงแรมมีสีขาว มีห้องที่มีรูปทรงที่โดดเด่น และจุดเด่นของที่นี้ คือ มีสระว่ายน้ำ เปลี่ยนสีได้ ซึ่ง สวยมากในตอนกลางคืน

ร้าน อาหาร ที่ขอแนะนำ อยู่ที่ทางขึ้นเขาตะเกียบเหมือนกัน หาได้ไม่ยาก ร้านนี้มีชื่อว่า เจ้เขียว
เจ้เขียว บริการอาหารทะเล สดสด และอร่อย คนที่มาหัวหินส่วนมากจะรู้จัก

ส่วนใครที่ชอบกิน ส้มตำ ไก่ย่าง ขอแนะนำ ที่นึงอยู่หลังทางรถไฟ จำชื่อไม่ได้ ต้องลองถามคนท้องถิ่นดูเมนูเด็ด คือ ไก่วุ้นเส้น

และที่นี่มี ร้านเค้ก ติดชายหาด ชื่อว่า บ้านข้างวัง และเมนูที่ขาดไม่ได้ คือ เค้กมะพร้าว ขอรับประกันว่าอร่อยมากจริงจริง

ส่วนใครที่ชอบเที่ยว กลางคืน ผมขอ แนะนำ ร้าน หินน้ำ ทรายสวย อยู่ก่อนถึงหัวหินประมาณ 1กม.

ก่อนกลับจาก หัวหินขอแนะนำให้ลองเดินเล่นในตลาดเพื่อหาซื้อของฝาก เช่น กะปิหวาน แนะนำว่าอร่อยมาก เป็นต้นตำหรับเลยทีเดียว

ผมก็ขอแนะนำนิดนิดหน่อย เป็นการเรียกน้ำย่อยแล้วกัน เพื่อใครที่ไม่เคยไปจะอยากลองไปดู ผมหวังว่าคุณคงชอบหัวหินไม่น้อยไปกว่าผมเลย

คุณประโยชน์ของสมุนไพร

คุณประโยชน์ของสมุนไพรที่มีต่อร่างกาย
1. กำจัดและล้างสารพิษออกจากทั้งระบบของร่างกาย (Detoxification) สมุนไพรที่ช่วยกำจัดสารพิษได้แก่ ว่านหางจระเข้, ผลซิซานดร้า, แดนดิไลออน
2. ปรับระบบการทำงานของร่างกายให้สมดุลย์ (Body Balance) สมุนไพรในกลุ่มคือ โสมไซบีเรีย เห็นหลินจือ ผลซิซานดร้า
3. สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย (Immune System) สมุนไพรที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันได้แก่ แอสทรากาลัส, เห็ดหลินจือ, รากขิง, ซาร์ซะพาริลลา, โสมไซบีเรีย
4. ต่อต้านหรือทำลายอนุมูลอิสระ (Antioxidant) และ ป้องกันมะเร็ง สมุนไพรที่ช่วยทำลายอนุมูลอิสระ คือ รากชะเอม ข้าวบาร์เลย์จีน และเยอรมันคาโมมายล์ แอสทรากาลัส เมล็ดขึ้นฉ่าย แดนดิไลออน ฟีนูกรีก ผลจูนิเปอร์ รากชะเอม เลมอนบาล์ม พิสซิสเซว่า ผลซิซานดร้า
5.ช่วยระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น (Digestion System) สมุนไพรที่ช่วยเรื่องระบบย่อยอาหารคือ แคปซิคัม (ผลพริกแพง) คาโมมายล์เยอรมัน รากขิง ว่านหางจระเข้
6. ชะลอความแก่ของร่างกาย และผิวพรรณสดใสขึ้น (Slowing Age) สมุนไพร ทำให้เซลล์แอคทีฟ สร้างเซลล์ใหม่ ผลิตเซลล์ใหม่ ทำให้ผิวพรรณสดใสขึ้น
สมุนไพรยังช่วยคนจำนวนมากที่เจ็บป่วยด้วยโรคเหล่านี้ - ข้ออักเสบ หอบหืด ผื่นแพ้ โรคไขข้อ โรคสมองอักเสบที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อ กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน เครียด เรื้อนกวาง ปวดข้อ ไข้ละอองฟาง ซึมเศร้า ตะคริว ความดันโลหิตสูง อ่อนเพลีย อาการทางผิวหนัง นอนไม่หลับ
Powered By Blogger